สืบค้นงานวิจัย
ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของหอยตลับและหอยชักตีนในจังหวัดตรัง
ประเสริฐ ทองหนูนุ้ย - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
ชื่อเรื่อง: ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของหอยตลับและหอยชักตีนในจังหวัดตรัง
ชื่อเรื่อง (EN): Reproductive Biology of Hard Clam (Meretrix meretric) and Wing Shell (Strombus canarium) in Trang Province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ประเสริฐ ทองหนูนุ้ย
บทคัดย่อ: การศึกษาสภาวะทรัพยากรหอยตลับและหอยชักตีน และแนวทางการจัดการเพื่อความ ชั่งยืนในพื้นที่ชายฝั่ง จังหวัดตรัง ประกอบไปด้วยการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประชากรกับ สภพแวคล้อม การประเมินประชากร การศึกษาเกี่ยวกับชีววิทยาการสืบพันธุ์ การใช้ระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร์ในการแสดงข้อมูลทางสังคมของชาวประมงและข้อมูลทางนิเวศวิทยา และ การศึกษาทางค้านเศรษฐกิจและสังคมของชาวประมงที่ประกอบอาชีพจับหอยทั้งสองชนิด ซึ่งเป็น แนวทางของการเรีนรู้วิจัยทางด้นชีววิทยาและระบบนิเวศที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการ จัดการทรัพยากรหอยทะเลทั้งสองชนิดนี้ต่อไป โดยพื้นที่ศึกษามีสองแหล่งคือบริเวณแหล่งทำการ ประมงหอยตลับ(Mererix casta คือ ปากแม่น้ำปะเหลียน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ส่วนพื้นที่ การศึกษาหอยชักตีนได้แก่บริเวณแหล่งทำการประมงหอยชักตื่น (Strombus canarium) มี 2 พื้นที่ คือ หาดมดตะนอย และ เกะสิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือน มกราดบ 2551 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2552 พบว่า ความดื่มและปริมาณสารแขวนลอยทั้งหมด (ISS) มีความสัมพันธ์ต่อประชากรหอยตลับสูงสุด (pw - 0.504) ส่วนคุณภาพคินนั้น พบว่า ค่าความเป็น กรด-ค่าง และปริมาณเหล็กมีค่าสูงสุด (Pw - 0.716) ส่วนปัจจัยทางด้านสภาพแวคล้อมบริเวณ แหล่งทำการประมงชักคืน บริเวณหาดมคตะนอย พบว่า ปริมาณสารแขวนลอยทั้งหมด (TSS) และอุณหภูมิของน้ำ เป็นตัวแปรที่มีความสัมพันธ์ (pw) สูงสุดในช่วงฤดูแล้ง ขณะที่ปริมาณสาร แขวนลอยทั้งหมด (TSS) และ ปริมาณในโตรเจนทั้งหมด (TIN) มีค่สูงสุดในช่วงฤดูฝน ซึ่งมีค่า (p๓) เท่ากับ 01733 และ 0.63 ในช่วงฤดูแล้ง และช่วงฤดูฝน ตามลำคับ ส่วนในพื้นที่เกาะลิบง พบว่า ในช่วงฤดูแล้ง ค่าความเป็นกรด-ด่าง เป็นตัวแปรที่มีความสำคัญที่สุด (pw- 0.358) แต่ ในช่วงฤดูฝน ปริมาณใน โตรเจนทั้งหมดและปริมาณสารแขวนลอยทั้งหมด กลับเป็นตัวแปรที่ สำคัญที่สุด (0.223) จำนวนตัวอย่างหอยตลับมากที่สุดในเดือนมีนาคม และต่ำสุดในเดือนกรกฎาคม จำนวน ผผลิตพบว่าในเดือนพฤษภาคมมีปริมาณน้ำหนักรวมมากที่สุด และเดือนกุมภาพันธ์มีผลผลิตด้าน น้ำหนักรวมต่ำที่สุด รูปแบบการเจริญเติบโตของเปลือกหอยลับ มีการเจริญเติบโตที่เป็นสัดส่วน ต่อกัน ความสัมพันธ์ระหว่างความสูงเปลือกหอย กับน้ำหนักของหอยตลับ ความสัมพันธ์ของความ ยาวของปลือกทอย กับน้ำหนักของหอยตลับ และความกว้างของเปลือกหอย กับน้ำหนักของหอย ตลับ มีรูปแบบการเจริญเติบ โตเป็นแบบ Allomctric พบจำนวนตัวอย่างหอยตลับมากที่สุดในเดือน สิงหาดม และต่ำสุดในเดือนกรกฎาคม จำนวนผลผลิดพบว่าในเดือนกุมภาพันธ์มีปริมาณน้ำหนัก รวมมากที่สุด และเดือนกรกฏาคมมีผลผลิตค้านน้ำหนักรวมค่ำที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างความยาวทั้งหมดกับน้ำหนักหอยตลับพบว่ามีการเจริญเดิบโตเป็น แบบ ฐs0metric แต่ความสัมพันธ์ระหว่างความยาวลำตัวกับน้ำหนัก ความสัมพันธ์ระหว่างความ กว้างลำตัวกับน้ำหนักล้วนและความสัมพันธ์ระหว่างดวามยาวปากกับน้ำหนักมีการเจริญเติบโต แบบ Allometric ค่าการเจริญเติบโต โคย T1... เท่ากับ 55.30 มม. และมีค่า K เท่ากับ 1.6 ต่อปี ความสัมพันธ์ระหว่างความาวกับอายุ TI, - 55.30 (1 - e "*) และความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนัก กับอายุ พ, = 50.75 (1- -14 " )พารามิเดอร์การดายตามธรรมชาติ (M) ของหอยตลับในพื้นที่ จังหวัดตรัง มีการตาย เป็น 2.11 ต่อปี อัตราการตายรวม(2) เป็น 7.15 ต่อ อัตราการตายจากการทำ ประมง(F) เป็น 5.04 ต่อปี อัตราการใช้ประโยชน์(E) เป็น 0.70 ซึ่งมีการใช้ประโยชน์เกินความ จำเป็น เพราะอัตราการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จะอยู่ที่ 0.50 การศึกขาความสัมพันธ์ระหว่าง yield per recruit โดยใช้ค่าความยาว L ที่ 25 มม เพื่อวิเคราะห์ผลจับ โดยมีค่า E.. เท่ากับ 0.586, E.s เท่ากับ 0.375 และการใช้ประโยชน์สูงสุด (ะ....) เท่ากับ0.650 ลักษณะฤดูการสืบพันธุ์ของหอยตลับพบการพัฒนาเซลล์สืบพันธุ์ในตัวอย่างในทุกเดือน ซึ่งจะเห็นว่าคำคัหนีความสมบูรณ์อยู่ในระดับคงที่ ลักมณะการสืบพันธุ์ดังกล่าวพบได้ไบเขตร้อน เนื่องจากมีอาหารเพียงพอตลอดปี อย่างไรก็ตามการศึกษาครั้งนี้ใด้พบช่วงที่มีเปอร์เซ็นต์ของระยะ ของไข่และ สเปริม์ระยะ Devcloping และ Mature อยู่ในเปอร์เซ็นต์สูงระหว่างเดือนมกราคม ถึง ดือน กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูแล้งและต้นฤดูฝน ซึ่งช่วงเวลาคังกล่าวก็ไม่ได้เป็นช่วงที่มีปัจจัย สภาวะแวดล้อมที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับการเพิ่มขึ้นของระยะการพัฒนาอวัยวะสืบพันธุ์ อีกทั้ง ความเค็มของน้ำในช่วงเวลาดังกล่าวมีการลคลงอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนมกราคมและเดือนกุมภา พันธุ์ ความเปลี่ยนแปลงของความเค็มจึงไม่ได้เป็นปังจัยงำกัดต่อการพัฒนาของเซลล์สืบพันธุ์ของ หอยชนิดนี้ จากการพิจารณาการพัฒนาของอวัยวะสืบพันธ์ในทุกสัปดาห์เป็นระยะเวลา 2 เดือน ติดต่อกัน พบว่าการพัฒนาเซลล์สืบพันธุ์จากระยะ Rest สู่ระยะ Mature ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งค่อนข้างสั้น การศึกบาในครั้งนี้ทั้งหอยตลับและหอยซักตีนไม่สามารถหาค่าขนาดเข้าสู่เต็มวัยที่ ร0 % ของประชากร (Im / ได้เนื่องจากตัวอย่างหอยตลับที่พบในการศึกษาครั้งนี้พบเป็นหอยที่มี ความต็มวัยแล้วแม้ว่าขนาดของหอขบางตัวอย่างจะมีขนาคเล็กก็ตาม เพราะว่าสามารถพบระยะการ หัฒนาของอวัยวะสืบพันธุ์ทุกระยะจากตัวอย่างหอยขนาคเล็ก นั่นหมายถึงหอยชนิดนี้มีการเข้าสู่วัย จริอุพันธุ์เร็วจึงเป็นสัตว์น้ำที่มีการสืบพันธุ์เป็นแบบ r-selction เหมือนกับสัตว์น้ำในเขตร้อนเป็น ส่วนใหญ่ ในการวางแผนเพื่อการบริหารจัดการเพื่อการจำกัดขนาดการทำการประมงเพื่อไม่ให้จับ ติดหอยที่ยังไม่เจริญพันธุ์จึงคำเนินการค่อยข้างยากในการกำหนดข้อปฏิบัติ การกำหนดช่วงการทำ การประมงเพื่อพักให้มีการสืบพันธุ์น่จะปฏิบัติได้ง่ายกว่าเนื่องจากหอยชนิดนี้มีช่วงที่มีการพัฒนา อวัยวะสืบพันธุ์ทั้งเพศผู้และเพศเมียที่ค่อนข้างะเป็นฤลูกาลทำให้ง่ายแก่การทำความเข้าใจกับ ชาวประมง อย่างไรก็ตามในช่วงที่เปีดให้มีการทำการประมงจำเป็นต้องกำหนดปริมาณที่จับได้หรือ ขนาดของหอยที่ควรจับได้ควบคู่ไปด้วยเนื่องจากความกของไข่หอยขนาดเล็กและหอยขนาดใหญ่ ข่มมีความแตกต่างกัน หากเหลือเฉพาะหอยขนาดเล็กหรือปริมาณหอยที่เป็นพ่อแม่พันธุ์น้อย กินไปจะทำให้ปริมาณหอวัยอ่อนที่ ได้จากการผสมพันธุ์ในแต่ละฤดูกาลอาจจะไม่เพียงพอต่อการ จับในอนาคตได้ สำหรับการทำการประมง กรณีของหอยชักตีนนั้นมีการทำการประมงอยู่สองวิธีคือวิธีเดิน ก็บและวิธีใช้เครื่องให้อากาศแล้วคำลงไปเก็บ การศึกษาในครั้งนี้เก็บตัวอย่างจากการเดินเก็บ บริวณแนวหญ้าทะเลขณะน้ำลงในช่วงน้ำเกิด ผลการศึกมาที่ได้จึงเป็นผลเฉพาะตัวอย่างหอยในเขต น้ำขึ้นน้ำลง การกำหนดข้อกำหนดในการทำการประมงจึงค้องมีข้อควรพิจารณา อย่างไรก็ตามผล การศึกษาก็ได้บ่งชี้ถึงฤดูการสืบพันธุ์ ซึ่งสามารถประมาณการสืบพันธุ์ของประชากรหอยชักตีนใน บริวณนี้ได้ จากการวิจัยในครั้งนี้ได้บ่งขี้ถึงประสิทธิภาพของการจัดการทรัพยากรบายฝั่ง โดยชุมชน ทำให้กิดความสำเร็งในการป้องกันและสามารถใช้ประโชชน์จากทรัพยากรเหล่านั้นได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสอคกล้องการวิจัยต่างๆ ที่ได้รายงานถึงบทบาทของชุมชนในการจัดการทรัพยากรชายฝั่ง ซึ่ง ปัจัหลักที่ทำให้การจัดการทรัพยากรในชุมชนได้ผลดีคือการมีระเบียบข้อบังดับเกี่ยวกับการใช้ ทรัพยากร ที่กำหนดและบังคับใช้โดยสมาชิกในชุมชนนั่นเอง จากการศึกษาสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของผู้ใช้ประโยชน์ทรัพยากรหอยตลับ พบว่า ขาวประมงเกือบทั้งหมดได้เรียนหนังสือและจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยอาชีพหลัก คือ การทำ ประมงหอยตถับและประมงสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ซึ่งชาวประมงส่วนใหญ่มีรายได้ต่อเดือนจากการ ประกอบอาชีพนี้ไม่เกิน 5,000 บาท ในขณะที่มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 4 คนต่อเรือน ขาวประมงส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามรายได้ ของครัวเรือนชาวประมงประมาณร้อยละ 50 ของครัวเรือนทั้งหมดอยู่ที่ 5,000-7,000 บาทต่อเดือน และครัวเรือนร้อยละ 54 มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่ใช้ง่าย ส่งผลให้ต้องกุ้ยืมเงินและมีหนี้สิน วิธีการทำประมงหอยตลับมี 3 วิชี ได้แก่ วิธีเก็บด้วยมือ ซึ่งชาวประมงใช้เวลาในการทำ ประมงเตี๋ย 3 ชั่วโมงต่อเที่ยว วิธีการใช้คราดแบบเคินดราดหรือยืนคราดบนเรือไม่ติดเครื่องยนด์ และวิธีการใช้ราดแบบยืนคราดบนเรือขณะเรือติดเครื่องยนตั้ ซึ่งชาวประมงใช้เวลาในการทำ ประมงเถี่ย 4 ชั่วโมงต่อเที่ยว ปริมาณหอย (ดละขนาด) เฉลี่ยที่ได้จากการทำประมุงแต่ละวิธี คือ 22.5+4.3, 58.0+10.6 และ 133.4124.0 ตามสำดับ โดยปริมาณหอยเฉถี่ยที่ได้จากการทำประมงโดย วิธีใช้ตราดแบบยืนคราดบนเรือขณะเรือติดเครื่องยนต์สูงที่สุดและแตกต่างจากวิธีการทำประมงวิธี อื่นอย่างมีนัยสำคัญ ต้นทุนและผลตอบแทนของการทำประมงหอยตลับต่อเที่ยวแตกต่างกันในแต่ละวิธี โดย ธีที่ใช้ต้นทุนสูงที่สุดแต่ให้ราชรวมมากที่สุด คือ วิธีใช้คราดแบบยืนคราดบนเรือขณะเรือติด เครื่องยนต์ ซึ่งมีต้นทุนรวม 84.58 บาท และ รายได้รวม 700.35 บาท รองลงมา คือ การทำประมง โดชวิธีใช้คราดแบบเดินคราดหรือยืนคราดบนเรือไม่ติดเครื่องขนด์ มีต้นทุนรวม 146.36 บาท และ รายได้รวม 343 บาท ส่วนการทำประมงโดยวิธีเก็บด้วยมือมีต้นทุนรวมและรายได้รวมด่ำที่สุด คือ 103.35 และ 131.25 บาท การใช้ประโยชน์ทรัพยากรหอยตลับของชาวประมงเป็นไปเพื่อการบริ โภดและจำหน่าย โดจำหน่ายในรูปหอยสดทั้งปลือก ทอยดัมแกะเนื้อ (เนื้อหอยตัม) หอยสดแกะเนื้อ (นื้อหอยสด ไรวมเปลือก) และหอยคอง โดยชาวประมงงำหน่ายผลผลิตหอยสดทั้งเปลือกและเนื้อหอยตลับ ต้มส่วนใหญ่ให้กับผู้รวบรวมรายย่อยซึ่งมีหลายรายในท้องถิ่น ส่วนเนื้อหอยตลับสดและหอยคอง นั้นชาวประมงจำหน่ายให้ผู้บริโภดเองโดยตรงมากที่สุด ชาวประมงเห็นว่าทรัพยากรหอยตลับมีความสำคัญต่อชุมชนและระบบนิเวศน์ทางทะเถ แต่ในขณะเดียวกันทรัพยากรหอยตลับมีปริมาณถคถงจากอดีตและขนาคตาอวนที่ใช้ประกอบ เครื่องมือคราดหอยในปัจจุบันทำให้คราดหอยขนาศ ดเล็กได้มากขึ้น ส่วนมาตรการจัดการที่ ขาวประมงเห็นด้วย ได้แก่ กำหนดไม่ให้ทำการประมงหอยตลับขนาดเล็ก ไม่ใช้ตาอวนขนาคเล็ก ประกอบเครื่องมือคราดหอย การกำหนดขนาดหอยที่อนุญาตให้ขับไส้ และการกำหนดขนาดหอย ที่พ่อค้ำจะรับซื้อ การจัดการทรัพยากรหอยตลับในปัจจุบันของชุมชนเกิดขึ้นผ่านการดำเนินงานของกลุ่มที่ จัตั้งขึ้น โลยมีสมาชิกกลุ่มทำหน้าที่ดูแลไม่ให้มีการทำประมงหอยตลับที่ผิดกฎระเบียบของกลุ่ม รวมถึงได้กำหนดพื้นที่อนุรักบัพร้อมกับวางกฎระเบียบเกี่ยวกับการไช้ประโยชน์หอยตลับในพื้นที่ ณุนุรักษ์ขึ้นใช้โดยชุมชน ส่วนการจัดการของภาตรัฐได้ดำเนินการผ่านการออกกฎหมายประเกท ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งส่งผลดีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรหอยตลับอีกทางหนึ่ง สำหรับชาวประมงทอยชักคืนนั้นมีสัดส่วนของผู้นับถือศาสนาพุทธและอิสลามใกล้เดียง กัน รวมไปถึงอาชีพหลักที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการทำสวนยางพาราและการทำประมงสัตว์น้ำ อื่นๆ โดยทำประมงหอยชักคืนเป็นอาชีพเสริม ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการทำประมงหอยชักคืนสร้าง รายได้ไม่สูงนัก มีรายได้จากการทำประมงทอยชักตีนต่ำกว่า 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนรายได้ ทั้งหมดของครัวเรือนซึ่งมาจากแหล่งรายได้ทุกแหล่งนั้นอยู่ที่ครัวเรือนละ 5,000-9,000 บาท โดย ครัวเรือนมีจำนวนสมาชิกเฉลี่ย 4 คน และ พบว่าครัวเรือนร้อยละ 29.4 ของทั้งหมด มีรายได้ไม่ พียงพอต่อคำใช้ง่ายส่งผลให้มีหนี้สินโดยเฉพาะเพื่อการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน วิธีการทำประมงหอยชักคืนมีวิธีเดียว คือ วิธีเก็บด้วยมือ ซึ่งชาวประมงใช้เวลาในการทำ ประมง 2- 3 ชั่โมงต่อเที่ยว โดยชาวประมงมีทั้งกลุ่มที่ใช้และไม่ใช้เรือเป็นยานพาหนะในการ ดินทางไปยังแหล่งทำการประมง กลุ่มที่ไม่ใช้เรือมีต้นทุนการทำประมงเฉพาะต้นทุนค่าแรงงานซึ่ง ป็นดันทุนผันแปรประเภทดันทุนประเมิน ประมาณ 60-80บาทต่อเที่ยว ได้ผลผลิตเฉลี่ย 5 กิโลกรัม คิจเป็นรายได้ประมาณ 100 บาทต่อเที่ยว ส่วนกลุ่มที่ใช้เรือมีต้นทุนการทำประมงทั้ง คันทุนกงที่และคันทุนผันแปรรวม 124.68 บาทต่อเที่ยว ผลผลิตหอยที่ได้เฉลี่ย 7.5 กิโลกรัม ติด เป็นรายไส้ทั้งหมด 150 บาทต่อเที่ยว การใช้ประ โยชน์ทรัพยากรหอยชักตื่นของชาวประมงเป็นไปเพื่อการบริโภคและจำหน่าย ใดยจำหน่ายในรูปหอยสดทั้งเปลือกในราตากิโลกรัมละ 20-25 บาท ซึ่งผลผลิตของชาวประมง ส่วนใหญ่ถูกจำหน่ายให้กับผู้รวบรวมรายย่อยในท้องถิ่น รองถงมาจำหน่ายให้กับพ่อค้าหอยดั้มและ ผู้บริโภคโดขตรงในสัดส่วนที่เท่ากัน ผลผลิตหอยจากผู้รวบรวมรายย่อยถูกขายต่อให้กับผู้รวบรวม ราบใหญ่ในทั้องถิ่น ซึ่งจะจำหน่ายหอยต่อไปยังร้านอาหารบริเวณหาดปากเมง อำเภอสิเกา จังหวัด ตรัง รวมถึงไปยังพ่อค้าส่งและพ่อค้ำปลีกในขังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต ขาวประมงเห็นว่าทรัพยากรหอยชักตื่นมีความสำคัญต่อชุมชนและระบบนิเวศน์ทางทะเล ป็นทรัพยากรที่สามารถพบไห้ในทุกพื้นที่ชาฝั่งทะเลของจังหวัดตรัง และการทำประมงหอยชัก นั้นสามารถทำได้ตลอดทั้งปี แต่ปัจจุบันทรัพยากรหอยชักตีนมีปริมาณลดลงจากอดีต โดย มาตรการจัดการที่ชาวประมงเห็นด้วย ได้แก่ กำหนดไม่ให้ทำการประมงหอยชักตีนขนาดเล็ก กำหนดขนาดหอยที่อนุญาตให้จับได้ กำหนดขนาดหอยที่พ่อค้ำจะรับซื้อ และเห็นด้วยกับการเข้า ร่วมป็นสมาชิกชมรม/กลุ่มดูแลและจัดการเกี่ยวกับการทำประมงหอยชักตื่น รวมถึงการเข้าร่วม รณรงค์ห้มทำประมงผิดข้อกำหนด การร่วมแจ้งข่วสารเมื่อพบเห็นการทำประมงที่ผิดข้อกำหนด และการร่วมตรวจการณ์การทำประมงที่ผิดข้อกำหนดของชมรม/กลุ่ม การจัดการทรัพยากรหอยชักตีนโดยฉพาะเจะทั้งของชุมชนและของภาครัฐนั้น พบว่ายัง ไม่มีการคำเนินการในพื้นที่ แต่ได้มีกฎหมายประเกทประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ ประกจังหวัดตรัง ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษัทรัพยากรชายฝั่งทะเลชนิคอื่น ๆ แล้วก่อประไยชน์ ต่อทรัพยากรหอยชักตื่นด้วย โดยเฉพาะประกาศจังหวัดตรังเรื่อง กำหนดห้ามใช้เครื่องมือประมง ขางชนิตทำการประมงในบริเวณแหล่งหญ้าทะเตภายในพื้นที่กำหนด ลงวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เพราะประกาศฉบับนี้ครอบคลุมพื้นที่เกะลิบงบางส่วนซึ่งเป็นแหล่งทำการประมงหอยชัก ตื่นของชาวประมง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
คำสำคัญ: จังหวัดตรัง
คำสำคัญ (EN): Wing Shell
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของหอยตลับและหอยชักตีนในจังหวัดตรัง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
30 กันยายน 2552
ปัจจัยทางด้านสภาพแวดล้อมบริเวณแหล่งทำการประมงหอยตลับและหอยชักตีน ในพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดตรัง ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของหอยหลอด (Solen corneus Lamarck, 1818) ในจังหวัดชุมพร สภาวะทรัพยากรและชีววิทยาการสืบพันธุ์ของหอยตลับ (Meretrix casta Gmelin, 1791) ในแหล่งทำการประมงจังหวัดสมุทรสงคราม โครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากรของหอยชักตีน (Strombus canarium) ในภาคใต้ของประเทศไทย การเพิ่มประสิทธิภาพของการสืบพันธุ์ในหอยหวาน (Babylonia areolata Link 1807) โดยการกระตุ้นด้วยอุณหภูมิ ความเค็ม และฮอร์โมน ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาเศรษฐกิจบางชนิดในแม่น้ำเจ้าพระยา ผลของการจำกัดแสงในช่วงระยะเจริญเติบโตที่มีต่อสมรรถภาพทางการสืบพันธุ์ของห่านพันธุ์จีน ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาที่สำคัญทางเศรษฐกิจบางชนิดในแม่น้ำชี การพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงหอยตลับ (Meretrix meretrix) เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการศึกษาชีววิทยาบางประการที่เกี่ยวข้อง ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาบางชนิดในอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก