สืบค้นงานวิจัย
สภาวะที่เหมาะสมในการผลิตและการใช้ขจัดคราบน้ำมันของสารชีวภาพก่ออิมัลชันจากเชื้อ Burkholderia cepacia สานพันธุ์ MA1
Prinya Chanlarfah - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: สภาวะที่เหมาะสมในการผลิตและการใช้ขจัดคราบน้ำมันของสารชีวภาพก่ออิมัลชันจากเชื้อ Burkholderia cepacia สานพันธุ์ MA1
ชื่อเรื่อง (EN): The optimal conditions for production and applications in oil removal of bioemulsifier from Burkholderia cepacia strain MA1
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Prinya Chanlarfah
บทคัดย่อ: เชื้อ Burkholderia cepacia สายพันธุ์ MA1 ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ที่พบโดยบังเอิญจาก คุณอรุณศรี ว่องปฏิการ พบว่าเชื้อดังกล่าวสามารถผลิตสารก่ออิมัลชัน ที่สามารถลดแรงตึงผิวระหว่างน้ำ มันไฮโดรคาร์บอนชนิดต่างๆ กับน้ำ (ฟอสเฟตบัฟเฟอร์ pH 7.2) สารก่ออิมัลชันที่ได้ดังกล่าวสามารถผลิต โดยเพาะเลี้ยงเชื้อ B. cepacia สายพันธุ์ MA1 ลงใน flask ที่บรรจุ mineral medium ซึ่งมี 1% น้ำตาลโมลาส (กากน้ำตาล) และ โซเดียมไนเตรท เป็นองค์ประกอบภายใต้สภาวะเขย่า 150 รอบ/นาที อุณหภูมิ 28 องศา เซลเซียส นาน 5 วัน (จากผลปฏิบัติการเบื้องต้นของคุณพันธุ์ทิพย์ ตันอร่าม) ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเชื้อนี้ได้มา จากการนำเอา mineral medium ไปทำการปั่นเหวี่ยงที่ความเร็ว 5,000 รอบ/นาที ที่อุณหภูมิ 28 องศา เซลเซียส นาน 10 นาที ละลายด้วยสารละลายฟอสเฟตบัฟเฟอร์ pH 7.2 จากนั้นนำไป autoclave ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที จากหลักการเบื้องต้นจึงได้นำไปศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมที่สุดในการ ผลิตสารก่ออิมัลชันดังกล่าวพบว่า เชื้อจะให้สารก่ออิมัลชันที่มีปริมาณมาก และมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด เมื่อผลิตภายใต้สภาวะเขย่าด้วยความเร็ว 200 รอบ/นาที ที่อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส นาน 5 วัน ใน flask ขนาด 500 มล. ที่บรรจุ mineral medium ปริมาณ 200 มล. สารก่ออิมัลชันที่ได้จากเชื้อดังกล่าวเมื่อนำไป ทดสอบการเกิดอิมัลชันน้ำมันไฮโดรคาร์บอนชนิดต่างๆ ยกเว้นกับน้ำมันดีเซล พบว่ามีประสิทธิภาพใกล้ เคียงกันกับอิมัลชันที่เกิดจาก 1% Sodium lauryl sulfate (SLS) ซึ่งเป็นสารก่ออิมัลชันสังเคราะห์ที่นิยมใช้ กันทั่วไป เมื่อนำไปทดสอบฤทธิ์การต่อต้านจุลชีพพบว่าไม่มีผลทั้งในแบคทีเรียแกรมบวกและแบคทีเรียแก รมลบ และที่สำคัญยิ่งเมื่อใช้สารก่ออิมัลชันที่ได้จาก MA1 ไปทำการทดสอบขจัดคราบน้ำมันบนเนื้อผ้าพบ ว่ามีความสามารถในการขจัดคราบน้ำมันออกได้ในระดับที่ดีใกล้เคียงกันเมื่อเทียบกับ 1% SLS
บทคัดย่อ (EN): Burkholderia cepacia strain MA1 is a bacteria accidentally discovered by Ms. Aroonsri Wongpatikarn. She discovered this strain while studying bioemulsifier from Saccharomyces cerevisiae. B. cepacia strain MA1 produces intracellular bioemulsifier by which can be used as an emulsifier to reduce the interfacial tension against hydrocarbon oil and water. That bioemulsifier can be produced by culturation in a mineral medium supplemented with 1% molasses (carbon source) and NaNO3 (nitrogen source), while shaking at 150 rpm, 28๐C for 5 days (primary study conditions from Ms. Puntip Tan-a-ram). The bioemulsifier was extracted from the bacterial cells by centrifugation at 5,000 rpm, 4๐C for 10 minutes and after was autoclaved at 121๐C for 15 minutes. The optimal conditions which were found in the present study to obtain a high biomass and a high quality bioemulsifier were (i) the optimal volume, which was 200 ml, (ii) the optimal agitation speed, which was 200 rpm, (iii) the optimal fermentation time, which was 5 days (iv) the optimal media pH, which was 6.5 and (v) the optimal production quantity, which was produced in a 500 ml flask size. All these optimal conditions were used to produce the bioemulsifiers and the produced product was tested for emulsifying ability with various kinds of hydrocarbon oil. MA1 emulsifier created a stable when the emulsion with many kinds of hydrocarbon oils i.e., kerosene, benzene oil, benzene (super) oil and engine oil. Antimicrobial tests performed, show the MA1 bioemulsifier did not affect either gram positive or negative bacteria. Interestingly, the bioemulsifier from MA1 effectively removed oil from cotton cloth
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=1011&obj_id=552
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Burkholderia cepacia
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: เชื้อ Burkholderia cepacia สายพันธุ์ MA1 ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ที่พบโดยบังเอิญจาก คุณอรุณศรี ว่องปฏิการ พบว่าเชื้อดังกล่าวสามารถผลิตสารก่ออิมัลชัน ที่สามารถลดแรงตึงผิวระหว่างน้ำ มันไฮโดรคาร์บอนชนิดต่างๆ กับน้ำ (ฟอสเฟตบัฟเฟอร์ pH 7.2) สารก่ออิมัลชันที่ได้ดังกล่าวสามารถผลิต โดยเพาะเลี้ยงเชื้อ B. cepacia สายพันธุ์ MA1 ลงใน flask ที่บรรจุ mineral medium ซึ่งมี 1% น้ำตาลโมลาส (กากน้ำตาล) และ โซเดียมไนเตรท เป็นองค์ประกอบภายใต้สภาวะเขย่า 150 รอบ/นาที อุณหภูมิ 28 องศา เซลเซียส นาน 5 วัน (จากผลปฏิบัติการเบื้องต้นของคุณพันธุ์ทิพย์ ตันอร่าม) ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเชื้อนี้ได้มา จากการนำเอา mineral medium ไปทำการปั่นเหวี่ยงที่ความเร็ว 5,000 รอบ/นาที ที่อุณหภูมิ 28 องศา เซลเซียส นาน 10 นาที ละลายด้วยสารละลายฟอสเฟตบัฟเฟอร์ pH 7.2 จากนั้นนำไป autoclave ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที จากหลักการเบื้องต้นจึงได้นำไปศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมที่สุดในการ ผลิตสารก่ออิมัลชันดังกล่าวพบว่า เชื้อจะให้สารก่ออิมัลชันที่มีปริมาณมาก และมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด เมื่อผลิตภายใต้สภาวะเขย่าด้วยความเร็ว 200 รอบ/นาที ที่อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส นาน 5 วัน ใน flask ขนาด 500 มล. ที่บรรจุ mineral medium ปริมาณ 200 มล. สารก่ออิมัลชันที่ได้จากเชื้อดังกล่าวเมื่อนำไป ทดสอบการเกิดอิมัลชันน้ำมันไฮโดรคาร์บอนชนิดต่างๆ ยกเว้นกับน้ำมันดีเซล พบว่ามีประสิทธิภาพใกล้ เคียงกันกับอิมัลชันที่เกิดจาก 1% Sodium lauryl sulfate (SLS) ซึ่งเป็นสารก่ออิมัลชันสังเคราะห์ที่นิยมใช้ กันทั่วไป เมื่อนำไปทดสอบฤทธิ์การต่อต้านจุลชีพพบว่าไม่มีผลทั้งในแบคทีเรียแกรมบวกและแบคทีเรียแก รมลบ และที่สำคัญยิ่งเมื่อใช้สารก่ออิมัลชันที่ได้จาก MA1 ไปทำการทดสอบขจัดคราบน้ำมันบนเนื้อผ้าพบ ว่ามีความสามารถในการขจัดคราบน้ำมันออกได้ในระดับที่ดีใกล้เคียงกันเมื่อเทียบกับ 1% SLS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
สภาวะที่เหมาะสมในการผลิตและการใช้ขจัดคราบน้ำมันของสารชีวภาพก่ออิมัลชันจากเชื้อ Burkholderia cepacia สานพันธุ์ MA1
Prinya Chanlarfah
มหาวิทยาลัยมหิดล
2546
การใช้ของเสียจากกระบวนการผลิตน้ำมันพืชเพื่อเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพโ การหาสภาวะที่เหมาะสมที่สุดในกระบวนการผลิตเอทานอลจากข้าวโดยใช้เทคนิคการออกแบบการทดลอง วัสดุเพาะและสภาวะที่เหมาะสมในการผลิตก้อนเชื้อเห็ดโคนน้อย (Coprinopsis cinerea) การผลิตน้ำมันชีวภาพจากสาหร่ายขนาดเล็กด้วยระบบน้ำเขียว การกำจัดกำมะถันออกจากสารประกอบอินทรีย์ในน้ำมันโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์ การใช้วัสดุดูดซับทางธรรมชาติในการกำจัดคราบน้ำมัน สภาวะที่เหมาะสมต่อการผลิตเอนไซม์แลคเคสโดย Agaric 176 ผลิตภาพของปัจจัยการผลิตโดยรวมของการผลิตอ้อยเพื่อใช้ผลิตเอทานอลใน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก การพัฒนาสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงกลุ่มประชากรสาหร่ายขนาดเล็กเพื่อผลิตน้ำมันชีวภาพ การควบคุมโรคใบจุดของข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 โดยใช้สารสกัดจากเชื้อราคีโตเมียม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก