สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรหนอนตายอยากจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
บงกชรัตน์ ปิติยนต์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรหนอนตายอยากจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
ชื่อเรื่อง (EN): Development of Insecticidal Herb product from Stemona sp. Based on Farmers Knowledge
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: บงกชรัตน์ ปิติยนต์
บทคัดย่อ: หนอนตายหยากเป็นพืชสมุนไพรสกุล Stemona ที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและมีศักยภาพในการนำมาใช้ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชได้ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสารออกฤทธิ์ในสารสกัดสมุนไพรรากหนอนตายหยากและพัฒนาผลิตภัณฑ์หนอนตายอยากประเมินประสิทธิผลของสารออกฤทธิ์ต่อการลดปริมาณของหนอนใยผัก (Plutella xylostella) ซึ่งเป็นแมลงศัตรูพืชที่สำคัญของผักคะน้า โดยนำส่วนรากหนอนตายหยาก Stemona collinsae เก็บตัวอย่างจากจังหวัดกาญจนบุรี มาสกัดด้วยตัวทำละลาย เฮกเซน ไดคลอโรมีเทน และ เมทานอล ตามลำดับ ทดสอบความเป็นพิษต่อหนอนใยผักวัย 3 โดยวิธี leaf dipping ที่ความเข้มข้นต่าง ๆ ภายใน 24 ชั่วโมง พบว่า สารสกัดหยาบไดคลอโรมีเทน ให้เปอร์เซ็นต์การตายของหนอนใยผักสูงสุด มีค่า LC50 เท่ากับ 5,927.34 พีพีเอ็ม สารสกัดเฮกเซน และเมทานอล มีค่า LC50 เท่ากับ 11,476.26 และ 7,053.67 พีพีเอ็ม ตามลำดับ เมื่อนำสารสกัดหยาบไดคลอโรมีเทนมาแยกให้บริสุทธิ์ด้วยเทคนิคคอลัมน์โครมาโตกราฟี สามารถแยกได้สาร F7.2.3 และ F7.2.2 ให้เปอร์เซ็นต์การตายของหนอนใยผัก 85.0 ? 1.6 และ 58.9? 0.6 ตามลำดับ ที่ความเข้มข้น 1.5 เปอร์เซ็นต์ (w/v) ที่เวลา 24 ชั่วโมง การแยก F7.2.3 ที่มีฤทธิ์สุงสุดต่อเปอร์เซ็นต์การตายหนอยใยผักให้บริสุทธิ์ด้วยเทคนิคทินเลเยอร์โครมาโตกราฟี (PTLC) และการวิเคราะห์โครงสร้างของ F7.2.3 โดยใช้เทคนิคทางสเปกโตรสโกปี ได้แก่ FT-IR NMR และ GC-MS พบว่าสารออกฤทธิ์เป็นสาร didehydrostemofoline การศึกษาวิธีการสกัดสารออกฤทธิ์จากรากหนอนตายหยาก เพื่อนำมาเตรียมผลิตภัณฑ์ พบว่า การสกัดรากหนอนตายหยากด้วยเอทานอลอัตราส่วน 1:5 (w/v) ด้วยวิธีการกวนอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 3 วัน ให้ปริมาณ didehydrostemofoline สูงสุด 1.212 ก./กก. น้ำหนักแห้ง จากการเตรียมสูตรผลิตภัณฑ์หนอนตายหยาก จำนวน 4 สูตร และทดสอบความคงตัวทางกายภาพ พบว่า สูตรผลิตภัณฑ์ B2 ประกอบด้วยสารสกัด S. collinsae น้ำ tween - 80 อัตราส่วน 40:15:5 มีความคงตัวทางกายภาพที่ดี มี didehydrostemofoline 0.4% (w/v) ผลการทดสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ B2 ต่อหนอนกระทู้หอมวัย 2 ด้วยวิธี leaf dipping ที่ 24 ชั่วโมงในห้องปฏิบัติการ เปรียบเทียบกับสารกำจัดศัตรูพืชทางการค้า พบว่า ผลิตภัณฑ์ B2 อัตรา 80 มล./ น้ำ 20 ล. ให้ เปอร์เซ็นต์การตายเท่ากับ 60.00 ไม่แตกต่างกันทางสถิติกับสารเคมีสังเคราะห์ไซเปอร์เมทริน อัตรา 20 มล./ น้ำ 20 ล.ให้เปอร์เซ็นต์การตายเท่ากับ 66.67 การทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ B2ในระดับแปลงทดลองพบว่า การใช้ B2 อัตรา 160 มล./ น้ำ 20 ล. ให้ปริมาณหนอนกระทู้หอมเฉลี่ยต่อต้น น้ำหนักสดของคะน้าเฉลี่ย และความเสียหายจากการถูกทำลายเฉลี่ยไม่แตกต่างกันทางสถิติกับไซเปอร์เมทริน จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์หนอนตายหยาก S. collinsae มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หนอนตายหยากเป็นพืชสมุนไพรสกุล Stemona ที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและมีศักยภาพในการนำมาใช้ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชได้ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสารออกฤทธิ์ในสารสกัดสมุนไพรรากหนอนตายหยากและพัฒนาผลิตภัณฑ์หนอนตายอยากประเมินประสิทธิผลของสารออกฤทธิ์ต่อการลดปริมาณของหนอนใยผัก (Plutella xylostella) ซึ่งเป็นแมลงศัตรูพืชที่สำคัญของผักคะน้า โดยนำส่วนรากหนอนตายหยาก Stemona collinsae เก็บตัวอย่างจากจังหวัดกาญจนบุรี มาสกัดด้วยตัวทำละลาย เฮกเซน ไดคลอโรมีเทน และ เมทานอล ตามลำดับ ทดสอบความเป็นพิษต่อหนอนใยผักวัย 3 โดยวิธี leaf dipping ที่ความเข้มข้นต่าง ๆ ภายใน 24 ชั่วโมง พบว่า สารสกัดหยาบไดคลอโรมีเทน ให้เปอร์เซ็นต์การตายของหนอนใยผักสูงสุด มีค่า LC50 เท่ากับ 5,927.34 พีพีเอ็ม สารสกัดเฮกเซน และเมทานอล มีค่า LC50 เท่ากับ 11,476.26 และ 7,053.67 พีพีเอ็ม ตามลำดับ เมื่อนำสารสกัดหยาบไดคลอโรมีเทนมาแยกให้บริสุทธิ์ด้วยเทคนิคคอลัมน์โครมาโตกราฟี สามารถแยกได้สาร F7.2.3 และ F7.2.2 ให้เปอร์เซ็นต์การตายของหนอนใยผัก 85.0 ? 1.6 และ 58.9? 0.6 ตามลำดับ ที่ความเข้มข้น 1.5 เปอร์เซ็นต์ (w/v) ที่เวลา 24 ชั่วโมง การแยก F7.2.3 ที่มีฤทธิ์สุงสุดต่อเปอร์เซ็นต์การตายหนอยใยผักให้บริสุทธิ์ด้วยเทคนิคทินเลเยอร์โครมาโตกราฟี (PTLC) และการวิเคราะห์โครงสร้างของ F7.2.3 โดยใช้เทคนิคทางสเปกโตรสโกปี ได้แก่ FT-IR NMR และ GC-MS พบว่าสารออกฤทธิ์เป็นสาร didehydrostemofoline การศึกษาวิธีการสกัดสารออกฤทธิ์จากรากหนอนตายหยาก เพื่อนำมาเตรียมผลิตภัณฑ์ พบว่า การสกัดรากหนอนตายหยากด้วยเอทานอลอัตราส่วน 1:5 (w/v) ด้วยวิธีการกวนอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 3 วัน ให้ปริมาณ didehydrostemofoline สูงสุด 1.212 ก./กก. น้ำหนักแห้ง จากการเตรียมสูตรผลิตภัณฑ์หนอนตายหยาก จำนวน 4 สูตร และทดสอบความคงตัวทางกายภาพ พบว่า สูตรผลิตภัณฑ์ B2 ประกอบด้วยสารสกัด S. collinsae น้ำ tween - 80 อัตราส่วน 40:15:5 มีความคงตัวทางกายภาพที่ดี มี didehydrostemofoline 0.4% (w/v) ผลการทดสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ B2 ต่อหนอนกระทู้หอมวัย 2 ด้วยวิธี leaf dipping ที่ 24 ชั่วโมงในห้องปฏิบัติการ เปรียบเทียบกับสารกำจัดศัตรูพืชทางการค้า พบว่า ผลิตภัณฑ์ B2 อัตรา 80 มล./ น้ำ 20 ล. ให้ เปอร์เซ็นต์การตายเท่ากับ 60.00 ไม่แตกต่างกันทางสถิติกับสารเคมีสังเคราะห์ไซเปอร์เมทริน อัตรา 20 มล./ น้ำ 20 ล.ให้เปอร์เซ็นต์การตายเท่ากับ 66.67 การทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ B2ในระดับแปลงทดลองพบว่า การใช้ B2 อัตรา 160 มล./ น้ำ 20 ล. ให้ปริมาณหนอนกระทู้หอมเฉลี่ยต่อต้น น้ำหนักสดของคะน้าเฉลี่ย และความเสียหายจากการถูกทำลายเฉลี่ยไม่แตกต่างกันทางสถิติกับไซเปอร์เมทริน จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์หนอนตายหยาก S. collinsae มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
บทคัดย่อ (EN): The objective of this research is to assess the effectiveness of stemona extracts on reducing the major cabbage insect pest, the diamondback moth (Plutella xylostella). Stemona collinsae was collected from Kanjanaburi province. The root were sequentially extracted with hexane, dichloromethane and methanol. Bioassays against the 3rd instar Plutella xylostella larvae were investigated by leaf dipping method. The dichloromethane extract has more insecticidal activity (LC50 = 5,927.34 ppm) followed by methanol and hexane extract with the LC50 of 7,053.67 and 11,476.26 ppm, respectively. Further fractionations of crude dichloromethane extract by column chromatography yielded two major active compounds F7.2.2 and F7.2.3 showing a percent mortality of 58.9 ? 0.6 and 85.0 ? 1.6 , respectively at concentration of 1.5% (w/v) after 24 h. Following purification of F7.2.3 by thin-layer chromatography, the major active compound responsible for the insecticidal activity was suggested to be dihydrostemofoline from FT-IR ,NMR data and GC/MS which gave a molecular peak at m/z 385. The extraction method of S. collinsae based biopesticide formulation was studied. The result showed that continuous-stirring extraction with methanol at 1:5 (w/v) for 3 days gave the highest content of didehydrostemofoline at 1.212 g/kg dry weight. The designed formula B2 (0.4% didehydrostemofoline (w/v)) containing S. collinsae extract, water and tween-80 at a ratio of 40:15:5 gave satisfactory stability on its physical properties. Under laboratory test, mortality of beet armyworm (Spodoptera exigua) after 24 hours using leaf dipping method was evaluated. B2 at 80 ml/ 20 liter of water gave 60.0% mortality insignificantly different in comparison to a synthetic chemical cypermethrin at a recommended rate of 20 ml/ 20 liter of water which gave 66.67 % mortality.The efficacy test of B2 in field trial showed that B2 at 160 ml/ 20 liter of water gave average numbers of beet armyworm per plant, average weight of Chinese kales and average degree of damage insignificantly different with cypermethrin. The present study indicated the high potential of S. collinsae as an environmental friendly biopesticide for alternative pest control in the future . The objective of this research is to assess the effectiveness of stemona extracts on reducing the major cabbage insect pest, the diamondback moth (Plutella xylostella). Stemona collinsae was collected from Kanjanaburi province. The root were sequentially extracted with hexane, dichloromethane and methanol. Bioassays against the 3rd instar Plutella xylostella larvae were investigated by leaf dipping method. The dichloromethane extract has more insecticidal activity (LC50 = 5,927.34 ppm) followed by methanol and hexane extract with the LC50 of 7,053.67 and 11,476.26 ppm, respectively. Further fractionations of crude dichloromethane extract by column chromatography yielded two major active compounds F7.2.2 and F7.2.3 showing a percent mortality of 58.9 ? 0.6 and 85.0 ? 1.6 , respectively at concentration of 1.5% (w/v) after 24 h. Following purification of F7.2.3 by thin-layer chromatography, the major active compound responsible for the insecticidal activity was suggested to be dihydrostemofoline from FT-IR ,NMR data and GC/MS which gave a molecular peak at m/z 385. The extraction method of S. collinsae based biopesticide formulation was studied. The result showed that continuous-stirring extraction with methanol at 1:5 (w/v) for 3 days gave the highest content of didehydrostemofoline at 1.212 g/kg dry weight. The designed formula B2 (0.4% didehydrostemofoline (w/v)) containing S. collinsae extract, water and tween-80 at a ratio of 40:15:5 gave satisfactory stability on its physical properties. Under laboratory test, mortality of beet armyworm (Spodoptera exigua) after 24 hours using leaf dipping method was evaluated. B2 at 80 ml/ 20 liter of water gave 60.0% mortality insignificantly different in comparison to a synthetic chemical cypermethrin at a recommended rate of 20 ml/ 20 liter of water which gave 66.67 % mortality.The efficacy test of B2 in field trial showed that B2 at 160 ml/ 20 liter of water gave average numbers of beet armyworm per plant, average weight of Chinese kales and average degree of damage insignificantly different with cypermethrin. The present study indicated the high potential of S. collinsae as an environmental friendly biopesticide for alternative pest control in the future .
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: ภูมิปัญญาท้องถิ่น
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรหนอนตายอยากจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2553
การบูรณาการความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นของพืชสมุนไพรประจำถิ่น พัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นการใช้ประโยชน์สมุนไพรภาคตะวันตก ปี 2549 การจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นแบบมีส่วนร่วมของชุมชนที่มีต่อการพัฒนาการศึกษาและอาชีพการเกษตรในท้องถิ่น การศึกษาหาประสิทธิผลของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ใช้ในการไล่ยุงโดยมีการส่วนร่วมของท้องถิ่นภาคใต้ การบริหารแมลงศัตรูส้มด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น การใช้สมุนไพรหนอนตายอยาก เมล็ดน้อยหน่า และปวกหาดถ่ายพยาธิในสุกรของเกษตรกรรายย่อย การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพตามภูมิปัญญาท้องถิ่นในระดับโรงเรียนเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น ในจังหวัดกาญจนบุรี การใช้สมุนไพรหนอนตายอยาก เมล็ดน้อยหน่า และปวกหาดถ่ายพยาธิในสุกรของเกษตรกรรายย่อย โครงการวิจัยเชิงวิเคราะห์การเสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นในการคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ โครงการวิจัยและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นจากพืชสมุนไพรและยาพื้นบ้าน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก