สืบค้นงานวิจัย
การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์ไฟเทสจากเชื้อราเอนโดไฟท์สายพันธุ์ MEC1
Kathawut Sopalun - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์ไฟเทสจากเชื้อราเอนโดไฟท์สายพันธุ์ MEC1
ชื่อเรื่อง (EN): Production and characterization of phytase from an endophytic fungus MEC1
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Kathawut Sopalun
บทคัดย่อ: เอนไซม์ไฟเทสเป็นเอนไซม์ที่สามารถย่อยสลายไฟเทตฟอสฟอรัสให้เกิดอนินทรีย์ฟอสฟอรัสที่พืชและสัตว์สามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย ทั้งนี้เนื่องจากสัตว์ที่มีกระเพาะเดียวรวมทั้งมนุษย์ไม่สามารถย่อยสลายไฟเทตฟอสฟอรัสที่มีสะสมอยู่มากในในส่วนต่างๆ ของพืชเนื่องจากขาดเอนไซม์ที่สามารถย่อยสารตั้งต้นชนิดนี้ ดังนั้นเอนไซม์ไฟเทสจึงเป็นเอนไซม์ที่สำคัญที่ใช้แก้ปัญหาดังกล่าว การจำแนกและศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์ไฟเทสจากเชื้อราเอนโดไฟจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจหาผู้ผลิตเอนไซม์ไฟเทสชนิดใหม่ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม ผลจากการแยกเชื้อราเอนโดไฟท์ได้ 305 สายพันธุ์ และเมื่อนำเชื้อราเอนโดไฟท์เหล่านี้มาทดสอบเพื่อหาการผลิตเอนไซม์ไฟเทส ปรากฏว่าเชื่อราเอนไฟเทสได้มากที่สุดบนอาหาร PSM ที่มีค่าพีเอส 6.0 และอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และเนื้อนี้สามารถผลิตเอนไซม์ไฟเทสได้ดีเมื่อเลี้ยงในอาหาร CSM80 เป็นเวลา 9 วัน ผลจากการศึกษาคุณสมบัติทั่วไปของครูดเอนไซม์ไฟเทศจากเชื้อราเอนโดไฟท์ที่เลี้ยงในอาหาร CSM80 พบว่าเอนไซม์ไฟเทสมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดที่พีเอช 5.0 และอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส และมีความคงทนในช่วงสภาวะพีเอส 2.0-6.0 และที่ช่วงอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ครูดเอนไซม์ไฟเทสยังมีความคงทนต่อ N a+, Ca 2+, K+, NH4+, Mg 2+, Co 2+, Zn 2+, Cu 2+, Fe 2+, Fe 3+ และ EDTA ยิ่งไปกว่านั้น K+ และ NH4+ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหารไก่ รำข้าวสาลี รำข้าวเจ้า และกากถั่วเหลือง พบว่าครูดเอนไซม์ไฟเทสสามารถเพิ่มปริมาณฟอสเฟต ปริมาณน้ำตาลรีดิวซิง และปริมาณโปรตีนในสารตั้งต้นดังกล่าว เชื้อราเอนโดไฟท์สายพันธุ์ MECI สร้างสปอร์ที่มีลักษณะคล้ายสปอร์ของเชื้อรา Acremonium sp. อย่างไรก็ตามเมื่อจำแนกด้วยการตรวจสอบหาและเปรียบเทียบลำดับนิวคลีโอไทด์ในส่วนของ ITS1-5.8S-ITS2 rDNA พบว่าเชื้อราเอนโดไฟท์สายพันธุ์ MEC1 คือ Mycosphaerella sp. ด้วยระดับความเหมือนของลำดับนิวคลีโอไทด์ ITS1-5.8S-ITS2 ที่ 99% กับ uncultured Mycosphaerella clone LDG1 (AF207670)
บทคัดย่อ (EN): Phytase (myo-inosital-hexakisphosphate 3-phosphohydrolase) is an acid phosphatase enzyme, which efficiently cleaves phosphomonoester bonds of phytate, creating lower forms of myo-inositol phosphates and inorganic phosphate. Phytic acid, or phytate, is a major storage form of phosphorus in soy bean meals and other plant materials as protein sources in animal feed but it acts as an antinutrient by chelating divalent cations and preventing the uptake of minerals. However, phytate phosphorus is biologically unavailable to non-ruminant animals including humans and pigs, as they lack the digestive enzyme capable of hydrolyzing this substrate. Therefore, phytase becomes the industrially important enzyme for solving those problems. Production and characterization of phytase from endophytic fungi were studied and general properties of phytase enzyme produced, as new candidates for applications in industry and agriculture, were determined. Three hundred and five endophytic fungi were isolated from thirty plant species collected from Nakhonnayok, Prachoapkeereekhan and Nakhonprathom provinces, Thailand. The strain MEC1, isolated from Minosops elengi, can produce the highest phytase on a phytic selective medium (PSM) at pH 6.0 and 250C. The MEC1 gives the highest activity of phytase (3.3 U/ml) when it was cultured in 8% corn starch medium (CSM80) for 9 days. Crude MEC1 exhibited the optimum pH and temperature for phytase activity at pH 5.0 and 600C, respectively. Crude phytase enzyme showed a high stability under high temperatures, even at 600C and in pH range 2.0-6.0. It was stable in the presence of 10 mM of Na+, Ca2+, K+, NH4 +, Mg2+, Mn2+, Co2+, Zn2+, Cu2+, Fe2+, Fe3+ and ethylene diamine tetraacetic acid (EDTA). Moreover, the enzyme activity was increased to 103.9% and 109.7% in the presence of 10 mM K+ and NH4 + ions, respectively. Apart from the phytase enzyme, MEC1 produced high amounts of amylase, xylanase, endoglucanase and acid phosphatase in CSM80 medium. Low amounts of protease, lipase and alkaline phosphatase were found in crude MEC1. For the digestion efficiency, crude MEC1 helped increase phosphate, reducing sugar and protein content in digestion of chicken feed, rice bran, wheat bran and soybean meals. The endophytic strain MEC1 produces Acremonium-liked conidia. However, based on its ITS1-5.8SITS2 sequence, MEC1 should be classified as Mycosphaerella sp. with 99% similarity of uncultured Mycosphaerella clone LDG1 (AF207670).
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2160&obj_id=1565
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Mycosphaerella
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: เอนไซม์ไฟเทสเป็นเอนไซม์ที่สามารถย่อยสลายไฟเทตฟอสฟอรัสให้เกิดอนินทรีย์ฟอสฟอรัสที่พืชและสัตว์สามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย ทั้งนี้เนื่องจากสัตว์ที่มีกระเพาะเดียวรวมทั้งมนุษย์ไม่สามารถย่อยสลายไฟเทตฟอสฟอรัสที่มีสะสมอยู่มากในในส่วนต่างๆ ของพืชเนื่องจากขาดเอนไซม์ที่สามารถย่อยสารตั้งต้นชนิดนี้ ดังนั้นเอนไซม์ไฟเทสจึงเป็นเอนไซม์ที่สำคัญที่ใช้แก้ปัญหาดังกล่าว การจำแนกและศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์ไฟเทสจากเชื้อราเอนโดไฟจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจหาผู้ผลิตเอนไซม์ไฟเทสชนิดใหม่ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม ผลจากการแยกเชื้อราเอนโดไฟท์ได้ 305 สายพันธุ์ และเมื่อนำเชื้อราเอนโดไฟท์เหล่านี้มาทดสอบเพื่อหาการผลิตเอนไซม์ไฟเทส ปรากฏว่าเชื่อราเอนไฟเทสได้มากที่สุดบนอาหาร PSM ที่มีค่าพีเอส 6.0 และอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และเนื้อนี้สามารถผลิตเอนไซม์ไฟเทสได้ดีเมื่อเลี้ยงในอาหาร CSM80 เป็นเวลา 9 วัน ผลจากการศึกษาคุณสมบัติทั่วไปของครูดเอนไซม์ไฟเทศจากเชื้อราเอนโดไฟท์ที่เลี้ยงในอาหาร CSM80 พบว่าเอนไซม์ไฟเทสมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดที่พีเอช 5.0 และอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส และมีความคงทนในช่วงสภาวะพีเอส 2.0-6.0 และที่ช่วงอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ครูดเอนไซม์ไฟเทสยังมีความคงทนต่อ N a+, Ca 2+, K+, NH4+, Mg 2+, Co 2+, Zn 2+, Cu 2+, Fe 2+, Fe 3+ และ EDTA ยิ่งไปกว่านั้น K+ และ NH4+ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหารไก่ รำข้าวสาลี รำข้าวเจ้า และกากถั่วเหลือง พบว่าครูดเอนไซม์ไฟเทสสามารถเพิ่มปริมาณฟอสเฟต ปริมาณน้ำตาลรีดิวซิง และปริมาณโปรตีนในสารตั้งต้นดังกล่าว เชื้อราเอนโดไฟท์สายพันธุ์ MECI สร้างสปอร์ที่มีลักษณะคล้ายสปอร์ของเชื้อรา Acremonium sp. อย่างไรก็ตามเมื่อจำแนกด้วยการตรวจสอบหาและเปรียบเทียบลำดับนิวคลีโอไทด์ในส่วนของ ITS1-5.8S-ITS2 rDNA พบว่าเชื้อราเอนโดไฟท์สายพันธุ์ MEC1 คือ Mycosphaerella sp. ด้วยระดับความเหมือนของลำดับนิวคลีโอไทด์ ITS1-5.8S-ITS2 ที่ 99% กับ uncultured Mycosphaerella clone LDG1 (AF207670)
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์ไฟเทสจากเชื้อราเอนโดไฟท์สายพันธุ์ MEC1
Kathawut Sopalun
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
การเปรียบเทียบสมรรถภาพการผลิตและองค์ประกอบซากของไก่เนื้อสายพันธุ์การค้า 3 สายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์อะไมเลสจาก alkaliphilic Bacillus firmus K-1 การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์ไฟเทสจากเชื้อ Pseudomonas sp. การผลิตเอนไซม์ไฟเทสจาก Pseudomonas putida ที่มียีน appA จาก Escherichia coli ผลของสายพันธุ์เชื้อโมแนสคัสและสารอาหารต่อการผลิตอังคักลูกเดือย ผลของไนซินที่มีต่อคุณภาพการเก็บรักษาน้ำส้มสายพันธุ์สายน้ำผึ้งและเขียวหวาน การศึกษาเอนไซม์เชิงซ้อนในกลุ่ม xylanolytic-cellulolytic จากเชื้อ Paenibacillus curdlanolyticus สายพันธุ์ B-6 และการนำไปประยุกต์ใช้ การผลิตเอนไซม์เรนนินจาก Rhizopus microsporus S1 การศึกษาชนิด คุณสมบัติและความเสถียรของแอนโทไซยานินของดอกกล้วยไม้พันธุ์แท้ 5 สายพันธุ์ในเผ่า Vandeae lindley สัณฐานวิทยาและคาริโอไทป์ของสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว และสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก