สืบค้นงานวิจัย
การวิเคราะห์โครงการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก
สมหญิง ชูประยูร - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: การวิเคราะห์โครงการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สมหญิง ชูประยูร
บทคัดย่อ: การวิเคราะห์โครงการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กในพื้นที่ 10 จังหวัด คือ จังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี กำแพงเพชร น่าน เพชรบูรณ์ ซึ่งโดยทั่วไปจะประกอบอาชีพหลัก คือ การทำนา มันสำปะหลัง มีรายได้ 3,704.52 บาท/คน/ปี และหากเกษตรกรมีการไปรับจ้างในเมืองก็จะได้รับผลตอบแทนเท่ากับ 2,604 บาท/คน/ปี แต่เมื่อเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น คือ 17,962.25 บาท/คน/ปี โดยเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วจะมีการปฏิบัติตามคำแนะนำทุกประการโดยประมาณร้อยละ 89 มีการปลูกหม่อนพันธุ์ดี คือ พันธุ์บุรีรัมย์ 60 และพันธุ์นครราชสีมา 60 ร้อยละ 100 เลี้ยงไหมให้ผลตอบแทนสูงสุด ตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป คือ เลี้ยงไหมได้ 8 รุ่น/ปี จำนวนไข่ไหมที่เลี้ยง 4 กล่อง/รุ่น ผลผลิตรังไหมที่ได้รับโดยเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 28 กิโลกรัมต่อกล่อง รวมผลผลิตรังไหมได้ทั้งหมด 896 กิโลกรัม/ปี/ครัวเรือน ณ คุณภาพเปอร์เซ็นต์เปลือกรังร้อยละ 20 เปอร์เซ็นต์รังเสียร้อยละ 5 จำหน่ายรังไหมได้กิโลกรัมละ 95 บาท ส่งผลทำให้เกษตรกรมีรายได้ 85,120 บาท/ปี โดยประมาณ และเมื่อทำการวิเคราะห์ผลตอบแทนในระดับฟาร์มของเกษตรกรในโครงการ พบว่า เกษตรกรจะมีกำไรเบื้องต้นตั้งแต่ 9,662 บาท ในปีที่ 1 จนถึง 45,288 บาท ในปีที่ 10 โดยมีกำไรเบื้องต้นรวม 397,196 บาท และมีกำไรสุทธิตั้งแต่ 6,208 บาท ในปีที่ 1 จนถึง 42,077 บาท ในปีที่ 10 โดยมีกำไรสุทธิรวม 318,115 บาท สำหรับผลตอบแทนทางการเงินของเกษตรกรเมื่ออายุ 10 ปี อัตราส่วนระหว่างผลได้ต่อการลงทุนหรือ B/C ratio (Benefit Cost ratio) ที่ 12%, 15%, 8%, เท่ากับ 1.50, 1.45, 1.40 ตามลำดับ และมีเงินสดสุทธิหมุนเวียน ผลตอบแทนสุทธิ ณ มูลค่าปัจจุบัน หรือ NPV (Net Present Value) ที่ 12%, 15%, 18% โดยประมาณ 131,813.50 บาท, 106,931.02 บาท และ 86,653.02 บาท ตามลำดับ ผลตอบแทนการลงทุนภายในโครงการร้อยละ 45.39 ผลจากการวิเคราะห์ข้างต้นแสดงให้เห็นว่าเกษตรกรสามารถที่จะประกอบอาชีพการปลูก หม่อนเลี้ยงไหมเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กได้ โดยมีระยะการคืนทุน 2.73 ปี สามารถใช้หนี้คืนทุนได้ทั้งหมด ปีที่ 11 โดยคืนทุนในอัตราส่วนเพียงร้อยละ 30 ของรายได้ทั้งปี และเมื่อทำการเปรียบเทียบกับการเลี้ยงไหมแบบดั้งเดิมแล้วการเลี้ยงไหมเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน คือ สามารถทำเป็นรายได้หลักแทนการประกอบอาชีพเสริมในรูปแบบการเลี้ยงแบบดั้งเดิม อีกทั้งให้ผลตอบแทนคุ้มค่าต่อการลงทุนเพราะรายได้ ที่เกิดขึ้นมากกว่ารายจ่ายเพื่อการดำเนินการประจำปี และยังเป็นโครงการส่งเสริมที่เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมยอมรับในรูปแบบที่ดำเนินการเพราะเกษตรกรผู้ร่วมโครงการก็ยังคงประกอบอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดทำแผนการผลิตไหมร่วมกับบริษัทหรือโรงงานสาวไหม นอกจากนี้ผลของการส่งเสริมยังส่งผลกระทบต่อเกษตรกรข้างเคียงนำไปปฏิบัติตามโดยการจัดหาทุนเพื่อการลงทุนเอง โดยมีขนาดของฟาร์มระหว่าง 5-12 ไร่ เลี้ยงไหมได้ 6-8 รุ่น/ปี เลี้ยงไหม 2-6 กล่อง/รุ่น ก่อให้เกิดรายได้ปีละ 30,000-120,000 บาท/ครัวเรือน
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ: เลี้ยงไหม
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมส่งเสริมการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิเคราะห์โครงการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก
กรมส่งเสริมการเกษตร
ไม่ระบุวันที่เผยแพร่
การศึกษาผลการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในจังหวัดสุรินทร์ การระบุเครื่องหมายโมเลกุลที่สัมพันธ์กับกลไกการตอบสนองต่อความเค็มของหม่อน สภาพการผลิตและความต้องการรับการส่งเสริมด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกร ตำบลแจนแวน กิ่งอ.ศรีณรงค์ จังหวัดสุรินทร์ สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและความต้องการการส่งเสริม ของเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอุตสาหกรรม ที่ดำเนินโครงการแปลงใหญ่หม่อนไหม กรณีศึกษาจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดน่าน และจังหวัดอุดรธานี การศึกษาผลการส่งเสริมหม่อนเลี้ยงไหมในจังหวัดชัยภูมิ ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ระบบการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมผสมผสานกับการเลี้ยงปลา สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตำบลประทาย จังหวัดนครราชสีมา สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกร จังหวัดชุมพร การศึกษาการปลูกหม่อนและเลี้ยงไหมเชิงหัตถกรรมที่ดีและเหมาะสมระดับฟาร์มเกษตรกร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก