สืบค้นงานวิจัย
ผลของยูเรียและแคลเซียมซัลเฟตต่อการเจริญเติบโตของเรพซีดที่ปลูกในภาคเหนือของประเทศไทย
ภรณ์พรรณ วงศ์สถาน - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง: ผลของยูเรียและแคลเซียมซัลเฟตต่อการเจริญเติบโตของเรพซีดที่ปลูกในภาคเหนือของประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): Effects of Urea and Calcium Sulphate on Growth and Development of Rapeseed (Brassica napus L.) Grown in Northern Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ภรณ์พรรณ วงศ์สถาน
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Pornpun Wongsathan
บทคัดย่อ: การศึกษาผลของยูเรียและแคลเซียมซัลเฟตต่อการเจริญเติบโตรวมถึงคุณภาพและปริมาณผลผลิตของเรพซีดพันธุ์ Rapool Comfort ทำการทดลอง ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ตำบลแม่วิน อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ระดับความสูง 1,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง วางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อกสมบูรณ์ (RCBD) ทำการทดลอง 3 บล็อก และให้ปุ๋ย 5 กรรมวิธีได้แก่ ควบคุม (ไม่ใส่ปุ๋ย) ยูเรีย 21 กก./ไร่ ยูเรีย 42 กก./ไร่ แคลเซียมซัลเฟต 17 กก./ไร่ และ แคลเซียมซัลเฟต 35 กก./ไร่ โดยแบ่งให้ปุ๋ย 2 ครั้งในช่วงการเจริญเติบโต คือ ครั้งที่ 1 ให้ปุ๋ยร้อยละ 40 ของแต่ละกรรมวิธีในระยะการยืดตัวของลำต้น และครั้งที่ 2 ให้ปุ๋ยร้อยละ 60 ของแต่ละกรรมวิธีในระยะการแทงช่อดอก ผลการศึกษาพบว่าการให้ปุ๋ยยูเรียทั้ง 2 อัตรา และปุ๋ยแคลเซียมซัลเฟต 17 กก./ไร่ มีความสูงของต้นระหว่าง 44.87-48.97 เซนติเมตร ในสัปดาห์ที่ 18 หลังย้ายปลูก ซึ่งไม่แตกต่างจากกรรมวิธีควบคุม แต่มากกว่ากรรมวิธีที่ให้ปุ๋ยแคลเซียมซัลเฟต 35 กก./ไร่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ความสูงของต้นที่ 38.30 เซนติเมตร ในขณะที่จำนวนใบ และจำนวนต้นที่ออกดอกไม่มีความแตกต่างกันในทุกกรรมวิธี การให้ปุ๋ยแคลเซียมซัลเฟต 17 กก./ไร่ ที่ให้จำนวนดอกน้อยกว่ากรรมวิธีควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่กรรมวิธีอื่นไม่มีความแตกต่างกัน การให้ปุ๋ยยูเรีย 42 กก./ไร่ ทำให้มีการติดฝักน้อยกว่ากรรมวิธีอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่การใส่ปุ๋ยแคลเซียมซัลเฟต 35 กก./ไร่ ทำให้การติดฝัก จำนวนเมล็ด และผลผลิตเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังให้ปริมาณน้ำมันมากกว่ากรรมวิธีควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ องค์ประกอบของน้ำมันเรพซีดพันธุ์ Rapool Comfort ประกอบด้วยกรดไขมัน 5 ชนิด ได้แก่ โอเลอิก (omega 9) ร้อยละ 62.60 ลิโนเลอิก (omega 6) ร้อยละ 19.48 ลิโนเลนิก (omega 3) ร้อยละ 8.04 ปาล์มิติก ร้อยละ 5.15 สเตียริก ร้อยละ 3.22 และกรดไขมันอื่น ๆ ร้อยละ 1.51
บทคัดย่อ (EN): Study on effects of urea and calcium sulphate on growth and development of ‘Rapool Comfort’ rapeseed was carried out at Chiang Mai Royal Agricultural Research Center (Khun Wang), Mae Win sub-district, Mae Wang district, Chiang Mai province. An elevation is 1,300 meters above mean sea level (msl). Experimental design was random complete block designed (RCBD) with 3 blocks and 5 fertilizer applications; no fertilizer (control), urea 21 kg/rai, urea 42 kg/rai, CaSO4 17 kg/rai and CaSO4 35 kg/rai. Fertilizer amounts were divided and applied at 2 stages of growth; 40% were applied at stem elongation stage and another 60% at flower development stage. Results showed that applications of urea fertilizer and CaSO4 17 kg/rai gave stem height about 44.87-48.97 cm at 18 weeks after transplanting, which had no differences as compared to control. However, they were higher stem height than CaSO4 35 kg/rai treatment (38.30 cm). Numbers of leave and flowering plant were different in all treatments. Furthermore, the fertilizer treatments had no effect on number of flower, except the application of CaSO4 17 kg/rai which gave fewer flower than control treatment. Urea 42 kg/rai gave significantly lower pod setting than others, while CaSO4 35 kg/rai treatment increased pod setting, seed number and grain yield. It gave significantly higher oil content than control treatment. Composition of rapeseed oil consists of 5 fatty acids; 62.60% oleic acid, 19.48% linoleic acid, 8.04% linolenic acid, 5.15% palmitic acid, 3.22% steric acids and 1.51% in others.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/246061/168209
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำสำคัญ: กรดไขมัน
คำสำคัญ (EN): fatty acid
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของยูเรียและแคลเซียมซัลเฟตต่อการเจริญเติบโตของเรพซีดที่ปลูกในภาคเหนือของประเทศไทย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2560
สภาพของปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการส่งเสริมการปลูกระหุ่งในภาคเหนือของประเทศไทย ผลของการเก็บรักษาไรแดงต่อการเจริญเติบโตของปลา ความต้องการโปรตีนและพลังงานเพื่อการดำรงชีพและเจริญเติบโตของโคพื้นเมืองไทย 1.ระยะเจริญเติบโตน้ำหนัก 100 – 150 กิโลกรัม การศึกษา Subtype ของเชื้อไวรัสAvian Influenza A จากสัตว์ปีกในประเทศไทย อนุกรมวิธานของฟิล์มมี่เฟิร์นสกุล Hymenophyllum s.l. (Hymenophyllaceae) ในประเทศไทย ผลของไคโตซานต่อการเจริญเติบโตของปลาหมอ ผลของการเสริมแหนเป็ด ในอาหารต่อการเจริญเติบโตของปลานิลแดง การศึกษาผลของปุ๋ยเคมีสูตรต่าง ๆ ที่มีต่อการเจริญเติบโตของแหนแดง การจัดการดินในหลุมปลูกที่มีผลต่ออัตราการรอดตาย และการเจริญเติบโตของต้นกล้ายางพาราในเขตพื้นที่ปลูกยางใหม่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง สำรวจรวบรวมผักพื้นเมืองทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก