สืบค้นงานวิจัย
พฤติกรรมแรงเค้น ความเครียดและการรับกำลังของขยะชีวมวลประเภทเถ้าปาล์มน้ำมันปรับปรุงคุณภาพด้วยทรายและซีเมนต์ เพื่อพัฒนาเป็นวัสดุมวลเบา
สนธยา กงกองแก้ว - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
ชื่อเรื่อง: พฤติกรรมแรงเค้น ความเครียดและการรับกำลังของขยะชีวมวลประเภทเถ้าปาล์มน้ำมันปรับปรุงคุณภาพด้วยทรายและซีเมนต์ เพื่อพัฒนาเป็นวัสดุมวลเบา
ชื่อเรื่อง (EN): The Stress-Strain and Strength behavior of biomass waste in Palm Oil Fuel Ash type improving by sand and cement for developing to lightweight material
บทคัดย่อ: บทคัดย่อ เถ้าปาล์มน้ำมัน เป็นวัสดุพลอยได้จากการนำกากของผลปาล์มน้ำมัน ได้แก่ เศษกะลา เส้นใย และทลายปาล์มเปล่าของผลปาล์ม มาเผาเป็นเชื้อเพลิงให้กับหม้อกำเนิดไอน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งในปัจจุบันในประเทศไทย มีเถ้าปาล์มน้ำมันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกิดจากรัฐบาลได้ประกาศให้เรื่องพลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ “ไบโอดีเซล” ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ปาล์มน้ำมันเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ก็ได้กลายเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ จึงทำให้กากของผลปาล์มน้ำมัน ได้แก่ เศษกะลา เส้นใย และทลายปาล์มเปล่าของผลปาล์ม มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะถูกนำมาเผาเป็นเชื้อเพลิงให้กับหม้อกำเนิดไอน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เถ้าปาล์มน้ำมันมีลักษณะเป็นผงฝุ่นน้ำหนักเบาสามารถฟุ้งกระจายได้ง่าย เถ้าปาล์มน้ำมันที่เกิดขึ้นมีการนำมาใช้ประโยชน์น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณที่เกิดขึ้นในแต่ละปี ส่วนใหญ่ต้องนำไปทิ้ง ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการกำจัดทิ้งตามมา เช่น ปัญหาทางด้านสภาวะแวดล้อม เป็นต้น ในประเทศไทย การก่อสร้างทางหลวงบนดินอ่อนทำให้เกิดปัญหาอย่างมาก เพราะจะมีการทรุดตัวมากตั้งแต่ 30 ถึง 100 ซม. ในทางหลวงที่สร้างขึ้น ปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นมากบริเวณสะพานและท่อลอดสำหรับเรือขนาดใหญ่ ซึ่งคันทางจะถูกสร้างขึ้นให้มีความสูงมากพอ เพื่อให้มีช่องว่างสำหรับเรือลอดจึงเป็นการเพิ่มการทรุดตัว ในกรณีสะพานซึ่งโครงสร้างเป็นแบบ rigid เพราะสร้างบนเสาเข็ม จะทำให้เกิดการทรุดตัวที่แตกต่างกันระหว่างส่วนโครงสร้างและคันทางช่วงคอสะพาน ซึ่งมักจะก่อให้เกิดอันตรายเมื่อเดินทางด้วยความเร็วสูง เนื่องจากปัญหาดังที่กล่าวมาทำให้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้วัสดุถมน้ำหนักเบา ในบริเวณดังกล่าวและเถ้าปาล์มน้ำมันก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเพราะมีน้ำหนักเบาและสามารถหาได้ง่าย โครงการวิจัยนี้ เป็นการศึกษาการปรับปรุงคุณภาพเถ้าปาล์มน้ำมันด้วยทรายและปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 โดยนำเถ้าปาล์มน้ำมันมาผสมกับทรายที่อัตราส่วน 100 : 0. 90 : 10. 80 : 20, 70 : 30 และ 60 : 40 ในแต่ละอัตราส่วนผสมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ร้อยละ 0, 3, 5, 7 และ 9 โดยน้ำหนักวัสดุแห้ง บดอัดวัสดุในแบบหล่อ ให้ได้หน่วยน้ำหนักตามที่หาไว้จากการทดสอบการบดอัดแบบสูงกว่ามาตรฐาน จากนั้น นำตัวอย่างมาทดสอบด้วยวีธีเฉือนโดยตรง ที่อายุบ่มต่างๆ เพื่อหาพารามิเตอร์กำลังเฉือน (มุมเสียดทานภายในและค่าแรงยึดเหนี่ยว) ผลการทดสอบสามารถสรุปได้ ดังนี้ สำหรับการทดสอบการบดอัด พบว่า เถ้าปาล์มน้ำมันมีค่าหน่วยน้ำหนักแห้งสูงสุด เท่ากับ 0.753 ตัน / ม.3 และเมื่อผสมทรายที่สัดส่วน 60 : 40 จะมีค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดมากที่สุด เท่ากับ 1.054 ตัน / ม.3 โดยปริมาณความชื้นที่เหมาะสมและหน่วยน้ำหนักแห้งสูงสุดของตัวอย่างจะลดลงและจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณทรายที่เพิ่มขึ้น เถ้าปาล์มน้ำมันมีค่าแรงยึดเหนี่ยวและมุมเสียดทานภายใน เท่ากับ 0.314 กก./ซม.2 และ 43.8 องศา ตามลำดับ ค่าแรงยึดเหนี่ยวของเถ้าปาล์มน้ำมันผสมทรายและปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณทรายและปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ที่เพิ่มขึ้น โดยเถ้าปาล์มน้ำมันผสมทรายที่อัตราส่วน 60 : 40 เมื่อผสมกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ที่ปริมาณร้อยละ 9 จะให้ค่าแรงยึดเหนี่ยวสูงสุด โดยมีค่าเท่ากับ 4.073 กก./ซม.2 ส่วนค่ามุมเสียดทานภายในของตัวอย่างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อถูกนำไปผสมกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 แต่ไม่มีแนวโน้มเพิ่มขี้นตามปริมาณปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ที่เพิ่มขึ้น ค่ามุมเสียดทานภายในของเถ้าปาล์มน้ำมันผสมทรายและปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ทุกสัดส่วนจะมีค่าอยู่ในช่วง 40-50 องศา โดยประมาณ ปริมาณทรายที่เพิ่มขึ้นไม่มีแนวโน้มทำให้ค่ามุมเสียดทานภายในของตัวอย่างเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ในส่วนของความเครียด พบว่า ความเครียดวิบัติของกลุ่มตัวอย่าง เถ้าปาล์มน้ำมันผสมทรายที่สัดส่วน 100 : 0, 90 : 10 และ 80 : 20 มีแนวโน้มลดลงตามปริมาณปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ที่เพิ่มขี้น แต่ในกลุ่มตัวอย่างที่มีสัดส่วน 70 : 30 และ 60 : 40 ค่าความเครียดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ที่เพิ่มขี้น คำสำคัญ : เถ้าปาล์มน้ำมัน, การปรับปรุงคุณภาพด้วยซีเมนต์, วัสดุมวลเบา, คันทาง
บทคัดย่อ (EN): Palm oil fuel ash is a by-product from the oil palm industry, utilized as a pozzalanic material to replace Portland cement. It is produced from burning waste of oil palm residue such as palm fiber, shells and empty fruit bunches, to produce steam for electricity generation. In Thailand, the government announces the subject of renewable energy as national agenda. Consequently, biodiesel that using palm oil as raw material, becomes one of the most important resource of energy. The solid waste of oil palm such as fiber, shell and empty fruit brunch, has been increased constantly and used as fuel to produce stream for generating electricity. The oil palm ash is the light weight powder and easy to disperse. The utilization of oil palm ash is very low when comparing with the quantity occurring per year, the most of them has been deposited, causing the problems of the waste disposal management such as the pollution to environment and underground water. In Thailand, the construction of highway on the soft soils causes a lot of problems because the settlement of the highways on the soft soils have a range from 30 to 100 cm This problem mainly occurs at the bridges and box culvert for large carrier, that the height of embankment must be enough for the space of the large carriers to pass under the bridge, therefore, the settlement of the highway is increased. In the case of the structure of the bridge are the rigid frame on the pile, the different settlement between the bridge structure and the highway embankment next to it, occurs that cause the danger on the vehicles that run with high speed. Due to the problem mentioned above, it is necessary to apply the light weight fill in the highway embankment approach to the bridge and palm oil fuel ash is the appropriate alternative material because it is light weight and available. This research is to study the stabilization of palm oil fuel ash by sand by sand and Portland cement type I. Palm oil fuel ash was blended with sand at proportions of 100 : 0, 90 : 10, 80 : 20, 70 : 30 and 60 : 40, and with Portland cement type I at the percentage of 0, 3, 5, 7 and 9 by dry weight of materials. The specimens are statically compacted in the mold to reach a required unit weight. Then, the specimens were tested by Direct Shear Test method according to ASTM D 3080 to determine the shear strength parameters (Cohesion and angle of internal friction) after curing for difference periods of time. For compaction test, the test result shows that Maximum Dry Density of POFA is 0.753 ton / m.3 and when it was mixed with sand at the proportion of 60 : 40, it gives the highest of MDD of 1.054 ton / m.3 The optimum moisture content and maximum dry unit weight of the specimens trend to decrease and increase according to the sand content increased, respectively. The test result of direct shear test shows that cohesion and angle of internal friction of palm oil fuel ash (POFA) are 0..314 ksc. and 43.8 degree or so, respectively. The cohesion of POFA mixed with Portland cement type I trends to increase with increasing of sand and Portland cement type I proportion. The POFA-Sand proportion of 60 : 40 gives the highest cohesion of 4.073 ksc. when it blended with Portland cement type I content of 9 percent. The angle of internal friction of POFA trend to increase when it blended with Portland cement type I but the angle of internal friction do not show the trend of obvious increase with Portland cement type I content. The angle of internal friction of every proportion of POFA blended with sand and Portland cement type I are in range of 40-50 degree. For strain, the test results show that strain at failure of POFA blended with sand at proportion of 100 : 0, 90 : 10 and 80 : 20, trend of decrease with cement content. But at proportion of 70 : 30 and 60 : 40, the strain at failure of the specimens trend to increase with content of Portland cement type I. Keywords : Palm Oil Fuel Ash, Cement Stabilization, Light Weight Material, Embankment
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
คำสำคัญ: ชีวมวล
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
พฤติกรรมแรงเค้น ความเครียดและการรับกำลังของขยะชีวมวลประเภทเถ้าปาล์มน้ำมันปรับปรุงคุณภาพด้วยทรายและซีเมนต์ เพื่อพัฒนาเป็นวัสดุมวลเบา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
30 กันยายน 2556
พฤติกรรมแรงเค้น ความเครียดและการรับกำลังของขยะชีวมวลประเภทเถ้าปาล์มน้ำมันปรับปรุงคุณภาพด้วยหินฝุ่นและปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 เพื่อพัฒนาเป็นวัสดุมวลเบา การตรวจสอบปริมาณของโลหะหนักและสารมีพิษที่ปลดปล่อยของวัสดุก่อสร้างที่ใช้เถ้าขยะชีวมวลจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเป็นองค์ประกอบ แนวทางการเพิ่มมูลค่าและใช้ประโยชน์ของเหลือทิ้งทางการเกษตรและวัสดุชีวมวล การพัฒนาคอนกรีตบล็อกมวลเบาผสมเม็ดโฟมพลาสติกและเถ้าน้ำมันปาล์ม การปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมเทเนอรา (D x P) และการถ่ายทอดเทคโนโลยี การผลิตปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมแก่เกษตรกร การจัดการแมลงศัตรูปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคตะวันออกโดยวิธีการควบคุมแบบผสมผสาน การพัฒนาเครื่องมือสนับสนุนการบริหารเชิงกลยุทธ์สำหรับชีวมวลจากอุตสาหกรรมยางพาราและปาล์มน้ำมัน สารลดแรงตึงผิวชีวมวลจากน้ำมันรำข้าว การปรับปรุงคุณภาพดินลูกรังด้วยปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 เถ้าปาล์มน้ำมันและเส้นใยปาล์มน้ำมัน เพื่อใช้เป็นผนังดินแบบบดอัด การปรับปรุงคุณภาพดินลูกรังด้วยปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 เถ้าปาล์มน้ำมันและเส้นใยปาล์มน้ำมัน เพื่อใช้เป็นผนังดินแบบบดอัด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก