สืบค้นงานวิจัย
อิทธิพลจากการใช้หินฟอสเฟตร่วมกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพ พด. 12 และพืชปุ๋ยสดเพื่อเพิ่มผลผลิตและความอุดมสมบูรณ์ของดินของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในชุดดินจักราช จังหวัดนครราชสีมา
ฎานุภา อยู่อุ่นพะเนา - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: อิทธิพลจากการใช้หินฟอสเฟตร่วมกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพ พด. 12 และพืชปุ๋ยสดเพื่อเพิ่มผลผลิตและความอุดมสมบูรณ์ของดินของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในชุดดินจักราช จังหวัดนครราชสีมา
ชื่อเรื่อง (EN): Influence of Rock Phosphate mixing Biofertilizer LDD 12 and Green Manure to increase of Yield and Soil Fertility of Cassava area, in Chakkarat series, Nakhonratchasima province.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ฎานุภา อยู่อุ่นพะเนา
บทคัดย่อ: การศึกษาอิทธิพลจากการใช้หินฟอสเฟตร่วมกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพ พต. 12 และพืชปุ๋ยสดเพื่อเพิ่ม ผลผลิตและความอุดมสมบูรณ์ของตินของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในชุดดินจักราช จังหวัดนครราชสีมา ดำเนินการใน พื้นที่เกษตรกรในตำบลหนองระเวียง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ในปี พ.ศ. 2554 - 2556 พิกัด 48 P 0198484 E / 1652385 N มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกวิธีการจัดการที่เหมาะสมด้านเทคโนโลยีชีวภาพในการเพิ่ม ผลผลิตมันสำปะหลังและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในดิน และศึกษาผลตอบแทนทางต้านเศรษฐกิจ โดยวางแผนการ ทดลองแบบ RCBDจำนวน 3 ซ้ำ จำนวน 8 ตำรับ ดังนี้ ตำรับที่ 1 แปลงควบคุม ตำรับที่ 2 ปุ้ยเคมีตามค่า วิเคราะห์ดิน ตำรับที่ :3 หินฟอสเฟต 100 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุยเคมีสูตร 15 - 0 - 18 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ ตำรับที่ 4 หินฟอสเฟต 100 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุยเคมีสูตร 15 - 7 - 18 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ ตำรับที่ 5 ถั่ว พร้า หินฟอสเฟต อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ยชีวภาพอัตรา 300 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ้ยเคมีสูตร 15 - 0 - 18 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมฉีดน้ำหมักชีวภาพ ตำรับที่ 6 ถั่พร้าหินฟอสเฟตอัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ย ชีวภาพ 300 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ้ยเคมีสูตร 15 - 7 - 18 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมฉีดน้ำหมัก ตำรับที่ 7 ถั่วพร้า หินฟอสเฟต อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ยชีวภาพ อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ยเคมีสูตร 15 - 0 - 18 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมฉีดน้ำหมัก ตำรับที่ 8 ถั่วพร้าหินฟอสเฟต อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๊ยชีวภาพ อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ยเคมีสูตร 15 -7 - 18 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมฉีดน้ำหมักชีวภาพ ดินก่อนการทตลองได้มีการวิเคราะห์สมบัติทางเคมีของดินพบว่า ความเป็นกรดเป็นต่างเท่ากับ 5.3 อินทรียวัตถุ 0.70 ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ โพแทสเชียมที่แลกเปลี่ยนได้ แคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ และ แมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ เท่ากับ 34.00 14.00 274.33 และ 52.67 มิสลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ หลังจากการทดลองได้มีการวิเคราะห์สมบัติทางเคมีของดินของทั้ง 2 ฤดูปลูก พบว่า ความเป็นกรดเป็น ด่าง อินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ แคลเซียมที่แลกเปลี่ยน แมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ไม่มีความแตกต่าง กันทางสถิติ ดินมีความเป็นกรดแนวโน้มเพิ่มขึ้นซึ่งอยู่ในระดับ เท่ากับ 5.3 - 6.1 ปริมาณอินทรียวัตถุในดินมี ปริมาณลดลง เท่ากับ 0.31 - 0.56 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินมีปริมาณลดลง เท่ากับ 6.33 - 32.43 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของทั้ง 2 ฤดูปลูก สำหรับปริมาณพแทสเซียมในดินในปีแรกมีปริมาณเท่ากับ 10.67 - 11.00 และในปีที่ 2 มีปริมาณเพิ่มขึ้น มีปริ้มาณเท่ากับ 16.00 - 25.67 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ปริมาณ แคลเชียมที่แลกเปลี่ยนได้มีแนวโน้มลดลง ปีแรกมีปริมาณเท่ากับ 203.33 - 394.00มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และ ปริมาณแมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งมีปริมาณ เท่ากับ 37.00 - 87.67 จากการศึกษาการจัดการดินในการเพิ่มการเจริญเติบโตและผลผลิตจากการทดลอง พบว่า การ เจริญเติบโตและผลผลิตของมันสำปะหลังในตำรับที่ 4 หินฟอสเฟต 100 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุยเคมีสูตร 15 - 7 - 18 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ และตำรับที่ 6 ถั่วพร้าหินฟอสเฟตอัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๊ยชีวภาพ 300 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15 - 7 - 18 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมฉีดน้ำหมัก และตำรับที่ 8 ถั่วพร้า หินฟอสเฟต อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ยชีวภาพ อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ ปุยเคมีสูตร 15 -7 - 18 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมฉีดน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งเป็นการจัดการดินโดยใช้เทคโนโลยีชีว์ภาพ ร่วมกับปุ้ยเคมีสูตร 15 - 7 - 18 มีการเจริญเติบโต ผลผสิต และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจดีที่สุดในทุกรับการทดลอง ซึ่งให้ผลผลิต เฉลี่ยของทั้ง 2 ปี เท่ากับ 3,798.25 4,283.90 3,531.00 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลตอบแทนเท่ากับ 9,495.63 10,709.75 7,1 17.38 บาทต่อไร่ และมีสัดส่วนผลตอบแทนในการลงทุน เท่ากับ 1.54 1.44 และ 1.13 ซึ่งมีความ เหมาะสมในการจัดการดินเพื่อปลูกมันสำปะหลังมากกว่าการจัดการตินโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพ ร่วมกับปุยเคมีสูตร 15 -0 - 18 และการใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ส่วนตำรับที่ไม่มีการจัดการดินพบว่า การเจริญเติบโตต่ำที่สุด เมื่อเปรียบเทียบในทุกตับรำการทตลอง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ถั่วพร้า
หมวดหมู่ AGRIS:
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
อิทธิพลจากการใช้หินฟอสเฟตร่วมกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพ พด. 12 และพืชปุ๋ยสดเพื่อเพิ่มผลผลิตและความอุดมสมบูรณ์ของดินของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในชุดดินจักราช จังหวัดนครราชสีมา
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2556
การใช้ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง โครงการจัดการดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง โดยใช้ปุ๋ยพืชสด(ถั่วพร้า) ร่วมกับปุ๋ยชีวภาพในดินร่วนหยาบ อาหารจากมันสำปะหลัง ผลการใช้ปุ๋ยพืชสดและน้ำหมักชีวภาพที่มีผลต่อการปลูกมันสำปะหลังในกลุ่มชุดดินจักราช การศึกษาผลของถ่านชีวภาพไบโอชาร์และการใช้ปุ๋ยหมักต่อการเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดินและผลผลิตในระบบการปลูกมันสำปะหลัง การใช้พืชตระกูลถั่วในระบบการปลูกพืชเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังที่ปลูกบนดินลูกรัง การคัดเลือกและพัฒนาชนิดพืชปุ๋ยสดและพืชคลุมดินท้องถิ่นไม่อยู่ในกลุ่มพืชตระกูลถั่วที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินในสภาพดินที่มีปัญหา การจัดการดินที่เหมาะสมเพื่อปลูกมันสำปะหลังอย่างยั่งยืน การจัดการดินที่เหมาะสมด้วยพืชปุ๋ยสดร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ และแหนแดงเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และผลผลิตของผักคะน้า ข้าวโพดฝักอ่อนภายใต้การปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ในกลุ่มชุดดินที่ 7 การจัดการดินโดยใช้ปุ๋ยชีวภาพร่วมกับพืชปุ๋ยสดและปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงในระบบปลูกพืชถั่วเขียว ; ข้าวโพดหวาน กลุ่มชุดดินที่ 35
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก