สืบค้นงานวิจัย
ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้เพชรสังฆาตทางคลินิก การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมาน
ผศ.ดร.ภญ.ราตรี สว่างจิตร - กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ชื่อเรื่อง: ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้เพชรสังฆาตทางคลินิก การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมาน
ชื่อเรื่อง (EN): The Efficacy and Safety of Cissus quadrangularis Linn. in Clinical Use: A Systematic Review and Meta-analysis
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ผศ.ดร.ภญ.ราตรี สว่างจิตร
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Assistant Professor Dr.Ratree Sawangjit
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้เพชรสังฆาต (Cissus quadrangularis Linn) ในทุกข้อบ่งใช้ทางคลินิกวิธีวิจัย : สืบค้นฐานข้อมูล MEDLINE, EMBASE, AMED, CENTRAL, Scopus, CINAHL, Web of science,ClinicalTrial.gov และฐานข้อมูลในประเทศไทยตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2560 งานวิจัยทางคลินิกที่ศึกษาผลของเพชรสังฆาตในทุกข้อบ่งใช้ถูกคัดเข้าการศึกษา จำนวนคนไข้ที่มีอาการดีขึ้นหรือค่าการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของอาการแสดงของแต่ละข้อบ่งชี้จะถูกนำมาวิเคราะห์ผลรวมโดยใช้ตัวแบบแบบสุ่มและวิเคราะห์ความต่างแบบของงานวิจัยโดยใช้การทดสอบ I2 และไควสแคว์ ผลการวิจัย: มีงานวิจัยทั้ง 19 ฉบับ ได้แก่ งานวิจัยแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม 11 ฉบับและงานวิจัยแบบไม่มีการสุ่ม 8 ฉบับที่ทำการศึกษาผลการใช้เพชรสังฆาตในผู้ป่วยริดสีดวงทวาร ผู้ป่วยอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ผู้ป่วยกระดูกหัก ผู้ป่วยที่ปวดข้อจากการออกกำลังกาย และผู้ป่วยกระดูกพรุนจำนวนรวมทั้งหมด 1,645 คน ที่ถูกคัดเขาการศึกษา สำหรับงานวิจัยแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมคุณภาพของงานวิจัยส่วนมาก (8/11, 73%) จัดเป็นกลุ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอคติไม่ชัดเจน แต่งานวิจัยเกือบทั้งหมด (10/11, 91%) มีคะแนนคุณภาพงานวิจัยจากการประเมินด้วย Jadad’s score มากกว่า 3 คะแนน สำหรับงานวิจัยแบบไม่มีการสุ่ม งานวิจัยส่วนมาก (6/8; 75%) จัดว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดอคติปานกลาง ผลการวิเคราะห์อภิมานงานวิจัยแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมบ่งชี้ว่า ผลของเพชรสังฆาตต่ออาการของริดสีดวงไม่แตกต่างจากยาหลอกหรือฟลาโวนอยด์ แต่มีผลลดอาการปวดกระดูกแตกต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนตำรับผสมเพชรสังฆาต (CORE/QC-IG) ที่มีสารสกัด เพชรสังฆาตเป็นส่วนประกอบ 150 มิลลิกรัม มีผลลดน้ำหนัก ลดระดับไขมันเลว LDL ไตรกลีเซอร์ไรด์ ไขมันรวม และระดับน้ำตาลในเลือดได้มากกว่ายาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสามารถลดน้ำหนัก ลด LDL ไตรกลีเซอร์ไรด์ ไขมันรวมและระดับน้ำตาลในเลือดได้เฉลี่ย 5.19 กก. (95%CI 8.82-1.55 กก.), 14.43 mg/dl (95%CI 20.06-8.80 mg/dl) 37.50 mg/dl(95%CI 48.71-26.29 mg/dl), 50.50 mg/dl (95%CI 70.97-30.04 mg/dl) แ ล ะ 10.39 mg/dl (95%CI 14.60-6.18 mg/dl) ตามลำดับ และผลิตภัณฑ์ผสมเพชรสังฆาตนี้ยังสามารถเพิ่มระดับไขมันดี HDL ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนสารสกัดเดี่ยวเพชรสังฆาตมีผลลดเฉพาะ LDL ไขมันรวม และระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น คุณภาพของหลักฐานเชิงประจักษ์สนับสนุนผลการใช้เพชรสังฆาตทางคลินิกในผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวาร กระดูกหัก และในคนอ้วนหรือน้ำหนักเกินมีความหลากหลายจากระดับต่ำ คือ การใช้ในผู้ป่วยกระดูกหัก ไปถึงระดับสูง คือ การใช้ในผู้ป่วยริดสีดวงทวาร นอกจากนี้งานวิจัยแบบไม่มีการสุ่มบ่งชี้ว่า การใช้เพชรสังฆาตช่วยลดระยะเวลาในการสมานกระดูกในผู้ป่วยกระดูกหักได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและเพชรสังฆาตช่วยเพิ่มค่าความหนาแน่นของกระดูกได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน อีกทั้งยังพบว่าค่าใช้จ่ายของการใช้เพชรสังฆาตเพื่อรักษาริดสีดวงทวารมีมูลค่าต่ำกว่าการใช้ฟลาโวนอยด์ประมาณ 10-20 เท่า หลักฐานเชิงประจักษ์ในปัจจุบันบ่งชี้ว่าเพชรสังฆาตมีความปลอดภัยใกล้เคียงกับยาหลอกหรือกลุ่มควบคุม และไม่มีผลต่อการทำงานของ ตับและไต แม้จะใช้ยาในขนาดสูง (ผงเพชรสังฆาต 10.5 กรัมต่อวัน) สรุปผล: พบข้อบ่งใช้ทางคลินิกของเพชรสังฆาตใน 5 ภาวะซึ่งคุณภาพของหลักฐานเชิงประจักษ์ที่พบมีความหลาก หลักฐานเชิงประจักษ์ของข้อมูลในปัจจุบันบ่งชี้ว่า เพชรสังฆาตมีประโยชน์สำหรับภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน กระดูกหัก ปวดกระดูกและกระดูกพรุน แต่ไม่มีประโยชน์ในโรคริดสีดวงทวาร โดยการใช้สมุนไพรนี้ทางคลินิกมีความปลอดภัย อย่างไรก็ตามควรมีงานวิจัยขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการศึกษานี้
บทคัดย่อ (EN): Objectives: To assess the efficacy and safety of Cissus quadrangularis Linn (Cissus) in all clinical conditions. Methods: MEDLINE, EMBASE, AMED, CENTRAL, Scopus, CINAHL, Web of science, ClinicalTrial.gov, and Thai databases were searched from inception through 12/2017. Clinical studies investigating Cissus for any indications were included. Number of patients with improvement or mean changes of each symptom for any indication was pooled using a random-effects model. Heterogeneity was assessed by I2 and chisquared test. Results: A total of 19 clinical studies including 11 RCTs and 8 non-RCTs with 1,645 patients, investigating Cissus for hemorrhoid, obesity/overweight, bone fracture, bone pain from exercise, and osteoporosis were included. For RCT, a majority of studies (8/11, 73%) were rated unclear risk of bias but most of these (10/11, 91%) have Jadad’s score more than 3. For non-RCT, a majority of studies (6/8; 75%) were rated moderate risk of bias. The meta-analysis of RCTs indicated that effects of Cissus on hemorrhoid symptoms were not different from placebo or flavonoid but it had significant effect on bone pain reduction. Effects of Cissus combination products (CORE/QC-IG) containing 150 mg of Cissus extract on reduction of body weight, LDL, TG, TC, and FBS were significantly higher than those of placebo, with WMD of -5.19 kg (95%CI -8.82, -1.55 kg), -14.43 mg/dl (95%CI -20.06, -8.80 mg/dl), -37.50 mg/dl (95%CI -48.71, -26.29 mg/dl), -50.50 mg/dl (95%CI -70.97, -30.04 mg/dl), and -10.39 mg/dl (95%CI -14.60, -6.18 mg/dl), respectively. These products also significantly increased HDL compared with placebo. For Cissus extract alone, only LDL, TC, and FBS levels were significantly reduced compared with placebo. Quality of evidences for clinical effects of Cissus on hemorrhoid, bone fracture, and obesity/overweight were graded from low (bone fracture) to high quality (hemorrhoid). In addition, non-RCT indicated that Cissus significant reduced healing time in patient with bone fracture, and it can significant improve BMD in patients with osteoporosis. Moreover, treatment cost of hemorrhoid for Cissus was lower than those of flavonoid for 10-20 times. Current evidence indicated that the safety of Cissus was comparable to placebo or standard control and there was no effect on renal or liver function event used at high dose (10.5 g/d) VI Conclusion: Various indications of Cissus were found with varying of quality of evidence. Current evidence revealed that it benefit was found for obesity/overweight, bone fracture, bone pain, and osteoporosis but not for hemorrhoid. Clinical use of this herb was safe. However, studies with large sample size and high quality should be further performed. Systematic review registration: PROSPERO CRD42015025051
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://ttdkl.dtam.moph.go.th/Module7/frmc_home_research_show.aspx?r_id=NDEx
เผยแพร่โดย: กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
คำสำคัญ: ปวดกระดูก
คำสำคัญ (EN): osteoporosis, bone pain
เจ้าของลิขสิทธิ์: กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้เพชรสังฆาตทางคลินิก การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมาน
กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
2561
ใครว่าผักไทยไม่ปลอดภัย ความปลอดภัยของอาหาร...หน้าที่ของเราทุกคน การวิเคราะห์ระบบนิเวศเกษตร การใช้ระบบ Fisheries Map เพื่อการบริหารจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่จับสัตว์น้ำ ระบบ ISO คืออะไร? การศึกษาความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นปลา ความจริงเกี่ยวกับความปลอดภัยของตู้อบไมโครเวฟ การวิจัยและปรับปรุงคุณภาพและความปลอดภัยของน้ำตาลโตนดเข้มข้นและการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ การศึกษาทัศนคติของชาวประมงต่อการใช้ระบบ Vessel Monitoring System (VMS) การประเมินด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของโปรไบโอติกที่พัฒนาขึ้นในรูปแบบแห้ง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก