สืบค้นงานวิจัย
การประเมินและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงการรับสัมผัสเชื้อดื้อยาจากการบริโภคเนื้อสุกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ปีที่ 2)
รุ่งทิพย์ ชวนชื่น - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การประเมินและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงการรับสัมผัสเชื้อดื้อยาจากการบริโภคเนื้อสุกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ปีที่ 2)
ชื่อเรื่อง (EN): Risk assessment and development of guideline for risk management of antimicrobial resistance from pork consumption
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รุ่งทิพย์ ชวนชื่น
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: รายงานวิจัยนี้เป็นโครงการวิจัยปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความเสี่ยงของผู้บริโภคในการรับ Salmonella ดื้อยากลุ่ม fluoroquinolones และกลุ่ม 3rd generation cephalosporins จากเนื้อหมูที่นำมาบริโภคและเพื่อจัดทำข้อมูลและแนวทางสำหรับการจัดการความเสี่ยงเชื้อดื้อยาอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการวิจัยครอบคลุม แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษที่สำคัญ Salmonella ในเนื้อหมูที่จุดจำหน่าย ในตลาดสดและไฮเปอร์มาร์เก็ตในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล การดื้อยาต้านจุลชีพในกลุ่มทางเลือกสุดท้าย ได้แก่ 1) การดื้อยา 3rd -generation cephalosporins ที่เกิดจากการผลิตเอนไซม์ESBLs เป็นตัวแทนยาต้าน จุลชีพที่ยีนควบคุมการดื้อบน plasmids และมีการถ่ายทอดยีนดื้อยาแบบแนวขวาง (Horizontal transfer) และ 2) การดื้อยา fluoroquinolones ที่ส่วนใหญ่เกิดจากการกลายพันธุ์บนโครโมโซมและมีการถ่ายทอดการ ดื้อยาแบบแนวดิ่ง (Vertical transfer) แบ่งการประเมินความเสี่ยงเชื้อดื้อยาเป็น 2 Scenarios ดังนี้ Scenario ที่ 1: การประเมินความเสี่ยงเชิงปริมาณของ Salmonella ดื้อยาต้านจุลชีพ 3 rd -generation cephalosporins ที่มาจากการบริโภคเนื้อหมู และ Scenario ที่ 2: การประเมินความเสี่ยงเชิงปริมาณของ Salmonella ดื้อยาต้านจุลชีพ fluoroquinolones ที่มาจากการบริโภคเนื้อหมู ผลการประเมินความเสี่ยงต่อ การบริโภคเนื้อหมูที่ปนเปื้อน Salmonella ที่สามารถผลิตเอนไซม์ ESBLs ที่ความมั่นใจ 95% พบว่าในกรณีที่ บริโภคหมูดิบจะป่วยเฉลี่ย 88,194 จากประชากร 100,000 คน ต่อปี หากนำไปปรุงอาหารโดยความร้อนที่ 64°C นาน 1 นาที จะป่วย 35,480 คน นาน 2 นาที จะป่วย 21 คน และนาน 3 นาที จะป่วย 0 คน ต่อ 100,000 คนต่อปี ส่วนความเสี่ยงต่อการบริโภคเนื้อหมูที่ปนเปื้อน Salmonella ที่ดื้อต่อ ciprofloxacin ที่ ความมั่นใจ 95% พบว่าในกรณีที่บริโภคหมูดิบจะป่วยเฉลี่ย จำนวน 61,877 คน จากประชากร 100,000 คน ต่อปี หากนำไปปรุงสุกโดยความร้อนที่ 64°C นาน 1 นาที จะป่วย 498 คน นาน 2 นาทีจะป่วย 0.42 คน และ นาน 3 นาที จะป่วย 0 คน ต่อ 100,000 คน ต่อปี โดยความเสี่ยงการได้รับสัมผัส Salmonella ยาต้านจุลชีพ กลุ่ม third- generation cephalosporins จากการบริโภคเนื้อหมูดิบมีค่าที่ใกล้เคียงกับความเสี่ยงของการ ได้รับสัมผัส Salmonella จากการบริโภคเนื้อหมู( 95,328 ต่อ 100,000 คนต่อปี) ปัจจัยสำคัญที่สามารถลด ความเสี่ยงจากการบริโภคเนื้อสุกรที่ปนเปื้อน Salmonella ดื้อยาต้านจุลชีพกลุ่ม 3rd generation cephalosporins และ fluoroquinolones จากการบริโภคเนื้อหมูได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ ลดปริมาณหรือ ความเข้มข้นของ Salmonella ที่ปนเปื้อนในเนื้อหมูและการบริโภคเนื้อหมูสุก โดยแนะนำให้ปรุงสุกเนื้อหมู ด้วยความร้อนที่ 64oC นาน 3 นาทีซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของ USDA-FSIS นอกจากนี้ ได้พัฒนาเอกสาร ร่างแนวทางการประเมินความเสี่ยงเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพที่มาจากการบริโภคเนื้อสัตว์ในแบบเชิงปริมาณ และ infographics สำหรับการสื่อสารยังผู้บริโภคอีกด้วย
บทคัดย่อ (EN): This report is as part of the second year of the project with the objectives to estimate AMR risk of 3rd -generation resistant Salmonella and fluoroquinolone-resistant Salmonella from pork consumption and prepare information and guideline for effective AMR risk management. The study scope covered foodborne bacterial pathogen Salmonella in pork at the selling points in fresh markets, supermarkets and hypermarkets in Bangkok and metropolitans. Resistance to last line antibiotics included 3 rd -generation cephalosporins, of which the resistance is mediated by the production of ESBLs and serving as the representative for horizontal transfer and fluoroquinolones, of which the main resistance mechanism is chromosomal mutations and serving as the representative for vertical transfer. The AMR risk assessment is divided into 2 scenarios, Scenario 1: AMR risk assessment of 3 rd -generation cephalosporin-resistant Salmonella from pork and Scenario 2: AMR risk assessment of fluoroquinolone-resistant Salmonella from pork. The results showed that the probability of illness from consumption ESBL-producing Salmonella in pork was 88,194 per 100,000 populations per year. Cooking at 64°C for 1, 2 and 3 min resulted in 35,480, 21 and 0 illnesses per 100,000 populations per year. For the probability of illness from consumption ciprofloxacin-resistant Salmonella in pork, the probability of illness was 61,877 per 100,000 populations per year. Cooking at 64°C for 1, 2 and 3 min resulted in 498, 0.42 and 0 illnesses per 100,000 populations per year. The probability of illness for third- generation cephalosporin-resistant Salmonella was close to that of Salmonella (95,328 per 100,000 populations per year). The most important factor that could reduce effectively the risks are the reduction of initial concentrations of Salmonellain pork and consumption of well-cooked pork. Cooking pork at 64oC for 3 min is suggested. This is agreement with the suggestion made by USDA-FSIS. The guideline for quantitative AMR risk assessment as well as infographics for risk communication to consumers were developed.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: สุกร
เจ้าของลิขสิทธิ์: คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประเมินและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงการรับสัมผัสเชื้อดื้อยาจากการบริโภคเนื้อสุกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ปีที่ 2)
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2563
การประเมินและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงการรับสัมผัสเชื้อดื้อยาจากการบริโภคเนื้อสุกรอย่างมีประสิทธิภาพ ฐานข้อมูลความเสี่ยงต่อการแพ้แมลงเศรษฐกิจจากการบริโภค โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 5 การพัฒนากระบวนการทําพองข้าวเกรียบกุ้งและแคบหมูด้วยไมโครเวฟและอินฟราเรดเพื่อทดแทนการทอด โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 4 การศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจของการแปรรูปเเละใช้ประโยชน์จากปลาสวาย โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 2 การสกัดสารแอสตาแซนทินจากเศษเหลือของอุตสาหกรรมแปรรูปกุ้ง โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 1 ผลิตภัณฑ์ปรุงรสความเค็มต่ําที่ได้จากการย่อยโปรตีนของอวัยวะภายในปลาทูน่า โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา Food Valley ภาคกลาง ปี 2559 โครงการย่อยที่ 3 การพัฒนาการผลิตสารให้กลิ่นรสวาซาบิผงสําหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารบรรจุกระป๋อง การพัฒนาสารฆ่าพยาธิจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร การพัฒนาสูตรสำเร็จสารเคลือบเมล็ด ที่ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากเชื้อ Streptomyces philanthi RL-1-178 เพื่อควบคุมเชื้อราที่สร้างสารพิษอะฟลาทอกซินในระหว่างการเก็บรักษาเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (โครง การบริหารจัดการขยะอาหารเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนเกาะสมุยและเป็นชุมชนต้นแบบด้านความมั่นคงด้านอาหาร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก