สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาปรับปรุงดินกรด(กลุ่มชุดดินที่ 22)เพื่อลดการขาดธาตุแคลเซียมที่มีผลต่อโรคผลเน่าแห้งดำ (Blossom end rot) ของมะเขือเทศ
อำไพวรรณ สุนาวัน - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การศึกษาปรับปรุงดินกรด(กลุ่มชุดดินที่ 22)เพื่อลดการขาดธาตุแคลเซียมที่มีผลต่อโรคผลเน่าแห้งดำ (Blossom end rot) ของมะเขือเทศ
ชื่อเรื่อง (EN): The Study of acid soil (soil group no.22) improvement for decreasing calcium deficiency effect on tomato blossom end rot.
บทคัดย่อ: การศึกษาปรับปรุงดินกรด(กลุ่มชุดดินที่ 22)เพื่อลดการขาดธาตุแคลเซียมที่มีผลต่อโรคผลเน่าแห้งดำ (Blossom end rot) ของมะเขือเทศ ดำเนินการทดลองที่ บ้านศาลา หมู่ 3 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่าง เดือนตุลาคม 2554 ถึง เดือนกันยายน 2556 รวมระยะเวลา 3 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อศึกษาหาวิธีการปรับปรุงดินกรดที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาโรคผลเน่าแห้งดำของมะเขือเทศ โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Randomized Complete Block Design) ประกอบด้วย 6 วิธีการทดลอง จำนวน 4 ซ้ำ ประกอบด้วย วิธีการที่ 1 แปลงควบคุม ไม่มีการใส่ปัจจัย วิธีการที่ 2 ใส่ปุ๋ยแคลเซียมในอัตราแนะนำ วิธีการที่ 3 ใส่ปูนตามค่าวิเคราะห์ดิน วิธีการที่ 4 ใส่ปุ๋ยแคลเซียมครึ่งหนึ่งของอัตราแนะนำร่วมกับการใส่ปูนตามค่าวิเคราะห์ดิน วิธีการที่ 5 ใส่ปุ๋ยหมักร่วมกับการใส่ปูนตามค่าวิเคราะห์ดิน และวิธีการที่ 6 ใส่ปุ๋ยแคลเซียมครึ่งหนึ่งของอัตราแนะนำร่วมกับปุ๋ยหมักและการใส่ปูนตามค่าวิเคราะห์ดิน ผลการทดลอง พบว่า วิธีการที่มีใช้ปุ๋ยหมักและการใส่ปูนตามค่าวิเคราะห์ดิน ติดต่อกัน 3 ปี มีผลทำให้ระดับความเป็นกรดของดินมีแนวโน้มลดลง อยู่ในช่วงระหว่าง 5.6-5.8 ปริมาณอินทรียวัตถุมีปริมาณเพิ่มขึ้น เป็น 1.43-1.69 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำถึงปานกลาง เนื่องจากดินมีสภาพเป็นกรดการใส่ปุ๋ยหมักในดินกรดเป็นการเพิ่มแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ส่งผลให้ปริมาณและกิจกรรมจุลินทรีย์เพิ่มมากขึ้น ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในทุกวิธีการทดลองมีปริมาณค่อนข้างสูง โดยมีค่าระหว่าง 31.3-37.6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับดินก่อนการทดลองให้ค่าใกล้เคียงกัน ปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ มีปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 41.6-55 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ มีปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อมีการใส่ปัจจัยการปรับปรุง เช่น ปุ๋ยหมัก ปูน โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 135-233 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม อยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง ส่วนปริมาณแมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ยังคงมีระดับต่ำเหมือนกัน ไม่แตกต่างจากดินก่อนการทดลอง ให้ค่าเท่ากับ 11.3-14.3 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนด้านการเจริญเติบโตและผลผลิตของมะเขือเทศ พบว่า ทุกวิธีการทดลองไม่ทำให้ค่าความสูงของมะเขือเทศที่อายุ 60 , 90 วัน และจำนวนผลต่อต้น ทั้ง 3 ปี แตกต่างกัน เมื่อเปรียบเทียบผลผลิตต่อไร่ของมะเขือเทศ ปีการทดลองที่ 1 วิธีการที่ไม่มีการใส่ปัจจัย (วิธีการที่ 1)ให้ผลผลิตสูงที่สุด คือ 810 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งมีค่าไม่แตกต่างกับทั้ง 5 วิธีการทดลองมากนัก ส่วนปีการทดลองที่ 2 และ 3 ดินเริ่มปรับสภาพการปรับปรุงด้วยปัจจัยต่าง ๆ อาทิเช่น การใส่ปูนตามค่าวิเคราะห์ดิน ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยแคลเซียม ในอัตราต่าง ๆ ทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มมากขึ้น โดยวิธีการที่ 2 ให้ปุ๋ยแคลเซียมทางใบ ให้ผลผลิตต่อไร่มากที่สุด เท่ากับ 991 กิโลกรัมต่อไร่ ในปีการทดลองที่ 2 และการใส่ปุ๋ยแคลเซียมทางใบในอัตราครึ่งหนึ่งของอัตราแนะนำร่วมกับการใส่ปูนตามค่าวิเคราะห์ดิน (วิธีการที่ 4) ทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงที่สุดในปีการทดลองที่ 3 เท่ากับ 1,235 กิโลกรัมต่อไร่ แต่เมื่อพิจารณาถึงค่าเฉลี่ยของผลผลิตต่อไร่ของมะเขือเทศทั้ง 3 ปีการทดลอง พบว่า วิธีการให้ปุ๋ยแคลเซียมทางใบ ร่วมกับการใส่ปูนตามค่าวิเคราะห์ดิน (วิธีการที่ 4) ให้ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยสูงที่สุด และปริมาณผลของมะเขือเทศที่เป็นโรคผลเน่าแห้งดำพบน้อยมาก ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ อาการของโรคไม่ชัดเจน กระจายอยู่ในทุกวิธีการทดลอง
บทคัดย่อ (EN): Soil improvement (soil groupno.22) to reduce the calcium deficiency affecting the blossom end rot of tomato was studied. The trial was conducted at Ban Sala Moo 3, Don Kaeo, Mae Rim, ChiangmaiProvince,during October 2011 to September 2013. The purpose was toimprove acid soilfor solving the problem of blossom end rot of tomato.A randomized complete block design was used. The experiment consisted of 6methods4 replication. The first was control methodMethod 2: Calcium fertilizer was introduced at the recommended rate.Method 3: Lime requirement.Method 4: Apply calcium fertilizer at half the recommended rate in addition to Lime requirement to the analysis. Method 5:Compost fertilizer with Lime requirementand method 6 added calcium fertilizer half the recommended rate in combination with compost fertilizer and lime requirement on soil analysis. The results showed the method of compost fertilizer and lime requirement for 3 consecutive years resulted pHranged from 5.6 to 5.8.Organic matter content increased to 1.43-1.69%was low to moderate. Because of its acidic soil, composting in acidic soils increases the microbial food supply, resulting in increased microbial activity and microbial activity.AvailablePhosphorus content useful in all experimental methods is quite highthe value is between 31.3-37.6 mg / kg. Compared with the soils before the experiment, the values were similar.Exchangeable Potassium content The volume increased slightly. But still considered low is between 41.6-55 mg /kg.ExchangeableCalcium was a slight increase when the improvement factor,such as compost, was between 135-233 mg / kgis low to moderate.The amount of magnesium exchanged remained lownot different from soil before trialthe value is 11.3-14.3 mg/kg. The growth and yield of tomato showed that all treatments did not increase the height of tomatoes at 60, 90 days and the number of fruits per plant in 3 years was different when compared with the yield per rai of tomato.Year 1 experiment, the non-input method (method 1) yielded the highest yield of 810 kg per raiare not different from the five experimental methods. In the second and third year, the soil was improved by factors such as soil compaction, fertilizer compost, and calcium fertilizer at various rates,resulting in higher yield per rai.By the way, 2 leaves calcium fertilizer. The highest yield per rai was 991 kg per rai.In the second experiment year and application of leaf calcium at the rateof half of recommend rate and lime requirementthe soil analysis method (method 4), the highest yield per rai in year 3 was 1,235 kg per rai. However, considering the average yield per acre of tomato for 3 years, the experiment showed that the method of fertilizer calcium leaf. In combination with soil application, the highest yield per rai (method 4) was used. And the amount of tomato fruit that is a disease of rotten, dry black is very little about 5 percent. Symptoms of the disease is not clear. Distributed in all experimental methods.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dric.nrct.go.th/Search/SearchDetail/291535
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ดินกรด
คำสำคัญ (EN): Blossom end rot
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาปรับปรุงดินกรด(กลุ่มชุดดินที่ 22)เพื่อลดการขาดธาตุแคลเซียมที่มีผลต่อโรคผลเน่าแห้งดำ (Blossom end rot) ของมะเขือเทศ
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2556
ผลของการใช้วัสดุปรับปรุงดินชนิดต่างๆร่วมกับโดโลไมท์ในการปรับปรุง นาข้าวดินกรด ในกลุ่มชุดดินที่ 22 จังหวัดชัยภูมิ การจัดการดินกรดร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่เหมาะสมเพื่อผลิตกระเจี๊ยบอินทรีย์ในกลุ่มชุดดินที่ 29 จังหวัดลพบุรี การจัดการดินโดยใช้พืชบำรุงดิน วัสดุปรับปรุงดิน ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 และปุ๋ยเคมี ร่วมกับการปลูกต้นเหมียงเป็นพืชแซมยางพารา ในกลุ่มชุดดินที่ 45 การใช้ปุ๋ยพืชสดร่วมกับวัสดุปรับปรุงดินเพื่อปรับสภาพดินกรดที่ใช้ปลูกหอมแดงในจังหวัดศรีสะเกษ การวิจัยและพัฒนาพื้นที่ดินกรดชุดดินปากช่อง เพื่อปลูกผักอินทรีย์ (มะเขือเทศและมะเขือยาว) การประเมินธาตุไนโตรเจนในดินกรด ดินด่าง และดินเค็ม ด้วยชุดตรวจสอบดินอย่างง่ายของกรมพัฒนาที่ดิน การจัดการดินที่เหมาะสมด้วยปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ร่วมกับวัสดุปรับปรุงดิน เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและผลผลิตข้าวโพดหวาน ในชุดดินเขาพลอง (กลุ่มชุดดินที่ 44) การประเมินธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในดินกรด ดินด่าง และดินเค็ม ด้วยชุดตรวจสอบดินอย่างง่ายของกรมพัฒนาที่ดิน การศึกษาวัสดุคลุมดินที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตแบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศของสตรอเบอรี 2 สายพันธุ์ การศึกษาเปรียบเทียบผลของ methyl parathion ต่อมวลชีวภาพของจลินทรีย์ดินในดินชุดร้อยเอ็ด และดินชุดหนองบุนนาก
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก