สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตถั่วเหลืองฝักสดเพื่อการส่งออก
กรมวิชาการเกษตร - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตถั่วเหลืองฝักสดเพื่อการส่งออก
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Development on Vegetable Soybean for Export
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กรมวิชาการเกษตร
บทคัดย่อ: ประเทศไทยมีการปลูกถั่วเหลืองฝักสดทั้งบริโภคภายในประเทศ และเพื่อการส่งออกในรูปแบบการแช่แข็ง พันธุ์เพื่อการส่งออกส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศไต้หวัน เมื่อนำมาปลูกในประเทศไทย ให้ผลผลิตไม่สูงนัก จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาพันธุ์เพื่อการส่งออกของประเทศไทย รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพดี การปรับปรุงพันธุ์ถั่วเหลืองฝักสด โดยการผสมพันธุ์และคัดเลือกพันธุ์ การประเมินผลผลิตตามขั้นตอนต่างๆ พบว่า การผสมพันธุ์เพื่อให้ได้สายพันธุ์ดี ผสมพันธุ์ได้ 69 คู่ผสม คัดเลือกลูกชั่วต่างๆ ได้ 185 สายพันธุ์ การปรับปรุงพันธุ์โดยการฉายรังสี คัดเลือก M4 ได้ถั่วเหลืองฝักสดพันธุ์ AGS 292 ฉายรังสี จำนวน 1,475 ฝัก และเชียงใหม่ 84-2 ฉายรังสี จำนวน 3,691 ฝัก การเปรียบเทียบมาตรฐานชุดที่ 2 คัดเลือกได้ 5 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ CM0910-2-4 CM0910-2-6 CM0910-21-1 CM0910-21-2 และ CM0914-2-2 ขณะที่การเปรียบเทียบมาตรฐานชุดที่ 3 คัดเลือกได้ 7 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ CM0913-2-2-3 CM0914-4-5-5 CM0914-4-6-1 CM0914-5-3-2 CM0914-5-4-4 CM0914-5-4-6 และ CM0914-6-1-1 การเปรียบเทียบสายพันธุ์จาก AVRDC พบว่า AGS434 และ AGS438 เป็นสายพันธุ์ที่ปรับตัวได้กว้างปลูกได้ทั่วไป การเปรียบเทียบสายพันธุ์ดีในแต่ละพื้นที่ พบว่า สายพันธุ์ MJ9749-46 ให้น้ำหนักฝักสดมาตรฐานและน้ำหนักฝักสดรวมสูง ในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต จากการสำรวจการผลิตถั่วเหลืองฝักสด พบว่า การผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ นิยมใช้พันธุ์เชียงใหม่ 60 และพันธุ์ลูกผสมสายพันธุ์ดีเด่น ผลผลิตอยู่ระหว่าง 550 – 2,091 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาขายอยู่ระหว่าง 8-20 บาทต่อกิโลกรัม ต้นทุนการผลิตอยู่ระหว่าง 4,229 - 13,327 บาทต่อไร่ ปัญหาการผลิต คือ ราคา และการตลาดขึ้นกับพ่อค้าคนกลางและกลไกตลาด การผลิตถั่วเหลืองฝักสดเพื่อส่งออก พบว่า ปลูกได้ 1 - 2 ครั้งต่อปี ในฤดูแล้งตั้งแต่เดือนพ.ย. - กลางเดือนม.ค. และในฤดูฝน พันธุ์ที่ใช้คือ พันธุ์ AGS 292 นัมเบอร์ 75 และคาโอริ ผลผลิตอยู่ระหว่าง 667–2,147 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาขายอยู่ระหว่าง 16 - 18 บาทต่อกิโลกรัม ต้นทุนการผลิตอยู่ระหว่าง 7,772-16,515 บาทต่อไร่ ปัญหาการผลิต คือ มีการใช้สารเคมีมาก มีความเสี่ยงต่อสารเคมีกำจัดโรคและแมลง เกษตรกรต้องดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ช่วงปลูกที่เหมาะสมในเขตภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ในฤดูแล้ง คือ ตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. แต่ไม่ควรเกินกลางเดือน ธ.ค. ช่วงการปลูกที่เหมาะสมที่สุดอยู่ระหว่างต้นเดือนถึงกลางเดือน ธ.ค. ต้นฤดูฝน คือ ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. ถึงสิ้นเดือน พ.ค. และฤดูฝน คือ ในช่วงกลางเดือนส.ค.ถึงสิ้นเดือน ส.ค. ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดชัยนาท และลพบุรี ฤดูปลูกที่เหมาะสมในฤดูแล้ง คือ ตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. ถึงต้นเดือน ม.ค. และฤดูฝน คือ ตั้งแต่กลางเดือน ก.ค. ถึงต้นเดือน ส.ค. การผลิตถั่วเหลืองฝักสดในเขตภาคกลาง พบว่า สายพันธุ์ VB_LB 1 พันธุ์ AGS433 เชียงใหม่ 84-2 และ AGS 292 ให้ผลผลิตสูงในจังหวัดชัยนาท พันธุ์ VB_LB 1 ให้ผลผลิตฝักสดสูงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พันธุ์ AGS433 และพันธุ์เชียงใหม่ 84-2 มีผลผลิตสูงในจังหวัดอุทัยธานี และพันธุ์ VB_LB 1 และ AGS433 ให้ผลผลิตสูงในจังหวัดปทุมธานี ระยะปลูกและจำนวนต้นต่อหลุมที่เหมาะสมในการเพิ่มปริมาณฝักมาตรฐานคือ 40 x 20 ซม. และ 2-4 ต้นต่อหลุม การใช้ไรโซเบียมร่วมกับการใส่ปุ๋ย 6-9 กิโลกรัม K2O ต่อไร่ ที่พิษณุโลก ให้ผลผลิตฝักสดมาตรฐานพันธุ์ เอจีเอส 292 สูงที่สุด และการใช้ไรโซเบียมร่วมกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนครึ่งอัตรา GAP (11-11-13) ให้ผลผลิตฝักสดมาตรฐานพันธุ์นัมเบอร์ 75 สูงสุด ขณะที่การใช้ปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียมร่วมกับการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนครึ่งอัตรา GAP ที่ศวพ.ลพบุรี ให้ผลผลิตฝักสดมาตรฐานพันธุ์เอจีเอส 292 สูงสุด และการใส่ปุ๋ย 0-18-6 กิโลกรัม N-P2O5-K2O ต่อไร่ร่วมด้วยทำให้ผลผลิตฝักสดมาตรฐานพันธุ์นัมเบอร์ 75 สูงสุด สำหรับในฤดูฝน ที่ศว.ร.เชียงใหม่ การใส่ปุ๋ยเคมี (ครั้งที่ 3) อัตรา 13-13-21 กิโลกรัมของ N - P2O5 - K2O (ปุ๋ยเคมีเกรด 13-13-21 อัตรา 100 กิโลกรัม) เป็นอัตราที่ให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มคุ้มค่าต่อการลงทุน การพ่นสารกำจัดวัชพืช imazethapyr , imazapic และ chlorimuron ethyl + imazethapyr อัตรา 500, 100 และ 50+400 มิลลิกรัมต่อไร่ สามารถกำจัดวัชพืชประเภทใบแคบได้ดีที่สุด การพ่นสารฆ่าแมลง 5 ครั้งเมื่อถั่วอายุ 28 35 42 49 และ 56 วัน หรือเมื่อถั่วอายุ 35 40 45 50 และ 55 วัน หรือการพ่นสารฆ่าแมลง 7 ครั้ง (ที่อายุ 7 14 21 28 35 42 และ 49 วัน) และพ่นสารสะเดา 1 ครั้ง (ที่อายุ 56 วัน) สามารถป้องกันกำจัดแมลงศัตรูในระยะออกดอกและติดฝักได้ดี นอกจากนี้ สารฆ่าแมลง บูโพรเฟซิน (นาปาม 25 % WP) อัตรา 40 กรัม/น้ำ 20 ลิตร และไซแอนทรานิลิโพรล (เบเนเวีย 10 % OD) อัตรา 60 มล./น้ำ 20 ลิตร ใช้ป้องกันกำจัดแมลงหวี่ขาวยาสูบได้ดี สารฆ่าแมลงฟลูเบนไดอะไมด์ (ทาคูมิ 20 % WDG) อัตรา 5 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ใช้ป้องกันกำจัดหนอนกระทู้ผัก สารฆ่าแมลงสปินโนแซด (ซัคเซส 12 % SC) อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร ใช้ป้องกันกำจัดหนอนม้วนใบ และหนอนเจาะฝักถั่ว และสารฆ่าแมลงฟลูเบนไดอะไมด์ (ทาคูมิ 20 % WDG) อัตรา 5 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ใช้ป้องกันกำจัดหนอนเจาะฝักถั่วได้ดีเช่นกัน ระยะเก็บเกี่ยวที่ให้ผลผลิตเมล็ดและเมล็ดพันธุ์สูงสุดในฤดูแล้งของพันธุ์เชียงใหม่ 84-2 คือระยะ R8-R8+5 วัน ขณะที่สายพันธุ์ MJ0101-4-6 และพันธุ์ AGS292 ที่ระยะ R7.5-R8 ทุกพันธุ์/สายพันธุ์มีความงอกและความแข็งแรงของเมล็ดพันธุ์หลังการปรับปรุงสภาพสูงกว่ามาตรฐานเมล็ดพันธุ์ขยาย แต่ในฤดูฝนจะมีคุณภาพต่ำ
บทคัดย่อ (EN): Vegetable soybean has been grown in Thailand both for domestic consumption and for export in the form of frozen produce. The exported varieties, mainly imported from Taiwan, but they couldnot perfrom very high yield in the country. So, it needs to develop new varieties for export, including suitable of production technologies for high yield and good quality. Vegetable soybean breeding by selection, hybridization and yield evaluation was conducted. There were 69 successive crosses and 185 lines selected. Vegetable soybean mutation breeding using gramma ray irradiation was conducted and M4 generation of AGS 292 and CM 84-2 were selected for 1,475 and 3,691 pods, respectively. The standard trial for high yield and consumption quality of vegetable soybean varieties (set 2) were carried out. This provided 5 vegetable soybean lines selected namely CM0910-2-4, CM0910-2-6, CM0910-21-1, CM0910-21-2 and CM0914-2-2. In the standard trial (set 3), there were 7 vegetable soybean lines selected namely CM0913-2-2-3, CM0914-4-5-5, CM0914-4-6-1, CM0914-5-3-2, CM0914-5-4-4, CM0914-5-4-6 and CM0914-6-1-1. In addition, farmer yield trial of the promising lines from AVRDC was conducted and AGS434 and AGS438 lines were selected as wide adaptation. Another farmer yield trial in the specific area of 5 provinces was conducted and MJ9749-46 line was selected as high total pod and marketable pod yielding. For production technology, the field survey found that the production of vegetable soybean for domestic consumption mainly used Chiang Mai 60 variety and other promising lines. Their productivity was between 550-2,091 kg./rai. The prices ranged from 8-20 baht/kg. Production costs were between 4,229-13,327 baht/rai. Production constraints were low price and market through middleman. Vegetable soybean production for export can be operated once or twice in a year, in the dry season from November to mid-December and in the rainy season. The varieties planted were composed of AGS 292, No. 75 and Kaori. The marketable yield were between 667-2,147 kg./rai. The farm price were between 16-18 baht/kg. Production costs were between 7,772-16,515 baht/rai. Production constraints were frequent use of chemicals and the human risk from spraying chemical pesticides. The recommanded planting dates in the Northern region could be in 3 seasons: in the dry season, mid-November to mid-December and the best time was on early to mid-December; in the early rainy season, mid-May to the end of May and in the rainy season, mid-August to the end of August. While the recommended planting dates in the Central region was in 2 seasons: in the dry season, mid-December to early January and in the rainy season, mid-July to early August. Vegetable soybean production in the central region found that VB_LB 1, AGS433, Chiang Mai 84-2 and AGS 292 varieties were high yielding in Chai Nat. VB_LB 1 variety gave high yield in Ayutthaya, AGS433 and Chiang Mai 84-2 gave high yield in Uthai Thani, and VB_LB 1 and AGS433 gave high yield in Pathum Thani. In Chai Nat province, the recommended planting date of VB _ LB1, AGS 292 and Chiang Mai 1 varieties was on 22 December and 4 January. The recommended planting date for Lopburi province was in July to the beginning of August. The suitable plant spacing and number of plants per hole (after thining) to increase the marketable pods of vegetable soybean was 40 x 20 cm and 2-4 plants per hole. Rhizobium amended seed with 6-9 K2O kg/rai (two-three times as a recommendation based on soil analysis) provided highest marketable pod yield for AGS292 whereas rhizobium with 1/2N of GAP (11-11-13 N-P2O5-K2O kg/rai) gave the highest marketable pod yield for no.75 at Phitsanulok. When using at Lopburi, the highest marketable pod yield of AGS292 (346 kg/rai) was also observed rhizobium with 1/2N of GAP and of No.75, it was observed when using 0-18-6 (double rated of P and K recommended on soil analysis) enhanced the high. Application of 13-13-21 (N - P2O5 - K2O) at the rate of 100 kg/rai after 1/2N of GAP (11-11-13 N-P2O5-K2O kg/rai) and 0-18-6 (double rated of P and K recommended) provided highest worth the investment in the rainy season at Chiang Mai. Herbicides imazethapyr, imazapic and chlorimuron ethyl + imazethapyr rated 500, 100 and 50 + 400 mg/rai were highly effective in controlling narrow leaf weeds. The patterns of insecticide spraying for controlling pest during flowering and pod forming were composed of 1) at 28 35 42 49 and 56 days after emergence (DAE), 2) at 35 40 45 50 and 55 DAE, and 3) spraying insecticides seven times (at 7 14 21 28 35 42 and 49 DAE) and spraying neem once (at 56 DAE) can control pest during flowering and pod as well. The highly effective insecticides for controlling tobacco whitefly in soybean were buprofezin (Napam 25 % WP) at the rate of 40 g/20 litres of water and cyantraniliprole (Benevia 10 % OD) at the rate of 60 ml/20 litres of water, for controlling common cutworm were flubendiamide (Takumi 20 % WG) at the rate of 5 g/20 litres of water, for controlling leafroller was spinosad (Success 12 % SC) at the rate of 20 ml/20 litres of water and for controlling pea pod borer were flubendiamide (Takumi 20 % WG) at the rate of 5 g/20 litres optimum and spinosad (Success 12 % SC) at the rate of 20 ml/20 litres of water. Harvesting time for yield of Chiang Mai 84-2 in the dry season was at R8 to R8 + 5 days while MJ0101-4-6 line and AGS292 variety was at R7.5 to R8 stage. In the dry season all varieties/lines gave higher germination and seed vigor than certified seed standard but in the rainy season seed qualitywas quite poor.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: การป้องกันกำจัดแมลงศัตรู
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

กรมวิชาการเกษตร. "โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตถั่วเหลืองฝักสดเพื่อการส่งออกResearch and Development on Vegetable Soybean for Export". กรมวิชาการเกษตร. 2558

กรมวิชาการเกษตร. "โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตถั่วเหลืองฝักสดเพื่อการส่งออกResearch and Development on Vegetable Soybean for Export". กรมวิชาการเกษตร. 2558. Print.



TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตถั่วเหลืองฝักสดเพื่อการส่งออก
กรมวิชาการเกษตร
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2558
ศึกษาวิเคราะห์ศักยภาพการผลิตและการตลาดกระเจี๊ยบเขียวเพื่อการส่งออก การคัดเลือกและทดสอบผลผลิตสายพันธุ์ถั่วเหลืองฝักสดที่มีกลิ่นหอมของไทย ภาวะการผลิตกระเจี๊ยบเขียว พัฒนาการผลิตพรรณไม้น้ำปลอดไส้เดือนฝอยศัตรูพืชเพื่อการส่งออก สถานการณ์การผลิตและตลาดถั่วเหลืองปี 2528 การตรวจสอบสารตกค้างในการผลิตถั่วเหลืองฝักสดโดยการใช้ Gas Chromatography-Mass Spectrometry โครงการวิจัยและพัฒนาการปรับปรุงพันธุ์ดาหลา การศึกษาศักยภาพการผลิตถั่วเหลืองฝักสดเพื่อการบริโภคในภาคใต้ตอนล่าง โครงการวิจัยศึกษาวิจัยการลดความชื้นเงาะสำหรับการส่งออก โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะกรูดเชิงพาณิชย์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair