สืบค้นงานวิจัย
ผลของอีดีทีเอและกรดซิตริกต่อการดูดดึงแคดเมียมในน้ำด้วยผักตบชวา
กัลปพฤกษ์ คงเมือง - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ชื่อเรื่อง: ผลของอีดีทีเอและกรดซิตริกต่อการดูดดึงแคดเมียมในน้ำด้วยผักตบชวา
ชื่อเรื่อง (EN): Effect of EDTA and citric acid on cadmium uptake by water hyacinth
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กัลปพฤกษ์ คงเมือง
บทคัดย่อ: การศึกษาผลของอีดีทีเอ (EDTA) และกรดซิตริก (Citric acid) ต่อการดึงดูดแคดเมียมในน้ำเสียสังเคราะห์ด้วยผักตบชวาที่มีการเติมสารละลายแคดเมียม 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 4 ชุดการทดลอง ได้แก่ 1) ชุดควบคุมไม่มีการเติมสารคีเลตทั้ง สองชนิด 2) ชุดการทดลองที่เติมสาร EDTA ที่ระดับความเข้มข้น 0.5, 1 และ 2 มิลลิกรัมต่อลิตร 3) ชุดการทดลองที่เติม Citric acid ที่ระดับความเข้มข้น 0.5, 1 และ 2 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 4) ชุดการทดลองที่เติม Citric acid ร่วมกับสาร EDTA ที่ระดับความเข้มข้น 0.25, 0.5และ 1 มิลลิกรัมต่อลิตร ชนิดละเท่าๆ กัน ทำการเก็บตัวอย่างทุกๆ 15, 30, 45, 60, 75 และ 90 วัน เพื่อหาปริมาณแคดเมียมในส่วนเหนือน้ำ (ลำต้นและใบ) และส่วนใต้น้ำ(ราก) ของผักตบชวา และปริมาณแคดเมียมในน้ำที่ใช้ในการทดลอง ผลการทดลองในทุกชุดการทดลอง พบว่า ผักตบชวามีความสามารถในการสะสมแคดเมียมมากที่สุดในส่วนใต้น้ำ(ราก) รองลงมา คือ ส่วนเหนือน้ำ(ลำต้นและใบ) ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) เมื่อเปรียบเทียบกับชุดควบคุม แสดงให้เห็นว่าสารคีเลตทั้ง สองชนิดมีส่วนช่วยในการดูดดึงแคดเมียมในผักตบชวา โดยในชุดที่เติม EDTA และชุดที่เติม Citric acid ที่ระดับความเข้มข้น 2 มิลลิกรัมต่อลิตร มีปริมาณการสะสมแคดเมียมได้สูงที่สุดในส่วนเหนือน้ำ(ลำต้นและใบ) เท่ากับ 156.7 และ105.4 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักแห้งที่เวลา 15 วัน ตามลำดับ โดยในชุดที่เติม EDTA ที่เวลา 15 วัน พบว่าผักตบชวามีการสะสมแคดเมียมได้สูงที่สุดในส่วนราก เท่ากับ 645.8 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักแห้ง และในชุดที่เติม Citric acid ที่เวลา 75 วัน ผักตบชวามีการสะสมแคดเมียมในส่วนใต้น้ำ(ราก) มากที่สุดเท่ากับ 603.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักแห้ง แสดงให้เห็นว่าการเติม EDTA มีส่วนช่วยในการดูดดึงแคดเมียมได้ดีกว่า Citric acid สอดคล้องกับค่าศักยภาพในการสะสมทางชีวภาพของผักตบชวา (Bioconcentration factor: BCF) ที่พบว่า ชุดการทดลองที่มีการเติม EDTA ที่ 15 วัน มีค่า BCF เฉลี่ยมากที่สุด เท่ากับ 802.5 ซึ่งมีค่ามากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับชุดการทดลองที่เติม Citric acid ที่ 75 วัน ที่มีค่า BCF เฉลี่ยมากที่สุด เท่ากับ 682.1 นอกจากนี้การศึกษาค่า Translocation factor (TF) ยังพบว่า ชุดการทดลองที่เติม EDTA มีค่ามากกว่าชุดการทดลองที่เติมCitric acid โดยมีค่า TF เท่ากับ 0.243, 0.24 และ 0.23 ที่ 15 วัน ตามลำดับความเข้มข้น จึงสามารถสรุปได้ว่าการเติม EDTA มีผลต่อการดูดดึงแคดเมียมของผักตบชวามากกว่าการเติม Citric acid
บทคัดย่อ (EN): The effects of ethylenediaminetetraacetic acid (EDTA) and citric acid (CA) on cadmium (Cd) uptake by water hyacinth, (Eichhornia crassipes) in 0.5 mg/L Cd contaminated water were studied. The experimental design was separated into 4 groups: 1) contaminated water without chelating agent (Control), 2) contaminated water with EDTA added at concentrations of 0.5, 1 and 2 mg/L, 3) contaminated water with CA added at concentration of 0.5, 1 and 2 mg/L, and 4) contaminated water with both EDTA and CA added at concentration of 0.5, 1 and 2 mg/L. Plants were harvested at 15, 30, 45, 60, 75 and 90 days. Cd levels were measured in the water samples and two parts of the plant: shoot (stem and leaves) and root. The results showed that Cd accumulation in the shoot in all groups was significantly higher than that in the root and was (P<0.05). Cd concentration in plants grown in all EDTA and CA added groups was higher than that in the control samples which indicates that EDTA and CA addition inceases cadmium uptake by water hyacinth. The highest Cd concentration was found in shoot with EDTA and CA added at 2 mg/L and were 156.7 and 105.4 mg/kg at 15 days, respectively. The highest Cd concentration in root was 645.8 mg/kg in EDTA added group at 15 days and 603.2 mg/kg in CA added group at 75 days. This result implies that EDTA has more influence than CA on bioconcentration factor (BCF). The highest score of BCF for EDTA added groups was 802.5 at 15 days and for CA added groups was 682.1 at 90 days. Translocation factor (TF) of plants in EDTA added groups was 0.24, 0.24 and 0.23 at 15 days, respectively. That show EDTA added groups were more cadmium uptake effect than CA added groups.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำสำคัญ: อีดีทีเอ
เจ้าของลิขสิทธิ์: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียด: The effects of ethylenediaminetetraacetic acid (EDTA) and citric acid (CA) on cadmium (Cd) uptake by water hyacinth, (Eichhornia crassipes) in 0.5 mg/L Cd contaminated water were studied. The experimental design was separated into 4 groups: 1) contaminated water without chelating agent (Control), 2) contaminated water with EDTA added at concentrations of 0.5, 1 and 2 mg/L, 3) contaminated water with CA added at concentration of 0.5, 1 and 2 mg/L, and 4) contaminated water with both EDTA and CA added at concentration of 0.5, 1 and 2 mg/L. Plants were harvested at 15, 30, 45, 60, 75 and 90 days. Cd levels were measured in the water samples and two parts of the plant: shoot (stem and leaves) and root. The results showed that Cd accumulation in the shoot in all groups was significantly higher than that in the root and was (P
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของอีดีทีเอและกรดซิตริกต่อการดูดดึงแคดเมียมในน้ำด้วยผักตบชวา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2553
การบำบัดโลหะหนักในตะกอนจากน้ำเสียโดยการสกัดด้วยอีดีทีเอ การผลิตจุลินทรีย์ที่สร้างเอนไซม์ไลเปสเพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสียที่มีไขมันสูง ผลของความเข้มข้นของน้ำเสียต่อประสิทธิภาพการบำบัดของพื้นที่ชุ่มน้ำที่สร้างขึ้นที่ปลูกพันธุ์ไม้ชายเลน ผลของปุ๋ยเคมีต่อการดูดดึงแคดเมียมด้วยการปลูกอ้อยในดินที่มีการปนเปื้อนจากพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก การใช้บึงประดิษฐ์แบบน้ำไหลใต้ผิวดินเพื่อการบำบัดขั้นที่สาม สำหรับน้ำเสียจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ผลของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ต่อการดูดดึงแคดเมียมและสังกะสีของข้าวที่ปลูกในดินปนเปื้อนจากพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ผลของกรดซิตริก กรดเพอร์ออกซีซิตริก และกรดแอสคอร์บิกร่วมกับไคโทซานต่อคุณภาพและอายุการเก็บรักษาของผลลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิ์ การใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิผลในการบำบัดน้ำเสียบางแหล่ง ผลของอุณหภูมิต่อพิษเฉียบพลันของแคดเมียม สังกะสี และสารละลายผสมร่วมในลูกปลานิล (Oreochromis niloticus Linnaeus) พฤติกรรมการบำบัดน้ำเสียของกระบวนการแอกทิเวเต็ดสลัดจ์แบบแบตช์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก