สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยฤทธิ์ลดอ้วนจากสารสกัดรำข้าวและสมุนไพรไทยเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์: ผลและกลไกการออกฤทธิ์ต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และปริมาณเชื้อแบคทีเรียในลำไส้
แคทรียา สุทธานุช - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การวิจัยฤทธิ์ลดอ้วนจากสารสกัดรำข้าวและสมุนไพรไทยเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์: ผลและกลไกการออกฤทธิ์ต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และปริมาณเชื้อแบคทีเรียในลำไส้
ชื่อเรื่อง (EN): Research of anti-obesity effects of rice bran and Thai herbal extracts for product development: effects and mechanisms on carbohydrate and lipid metabolism and intestinal bacteria
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: แคทรียา สุทธานุช
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Khaetthareeya Sutthanut
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: สมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ในลาไส้มีความสาคัญกับระบบการย่อย และสุขภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งเชื้อจุลินทรีย์ในลาไส้มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคเรื้อรัง รวมถึงภาวะอ้วน ซึ่งเชื้อจุลินทรีย์ในลาไส้มีหลากหลายทั้งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและให้โทษต่อร่างกาย จะเห็นได้ว่าการปรับสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร เป็นกลไกทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถช่วยควบคุมการเกิดโรคอ้วนได้ และนับว่าเป็นวิธีการป้องกันและรักษาการเกิดโรคอ้วน รวมทั้งโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องที่มีความปลอดภัยสูง ดังนั้นการศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเตรียมสารสกัดต่างๆ ศึกษาคุณสมบัติทางเคมีของสารสกัด และคุณสมบัติทางเส้นใยอาหาร และศึกษาผลเชื้อแบคทีเรียก่อโรคและเชื้อโพรไบโอติกในระบบทางเดินอาหาร ของสารสกัดจากราข้าวก่าหมัก และการสกัดด้วย 50% เอทานอล โดยมีวิธีดาเนินการวิจัยดังนี้ (1) เตรียมสารสกัดจากพืชสมุนไพร และเส้นใยสาหรับการศึกษาในโครงการย่อยที่ 1 และโครงการย่อยที่ 2 ได้แก่ สารสกัดข้าวก่าหมัก (H7 fer; ร้อยละของสารสกัด เท่ากับ 9.5), สารสกัดข้าวก่าสกัดด้วย 50% เอทานอล (H7 EtOH; ร้อยละของสารสกัด เท่ากับ 9.6), สารสกัดกระชายดา (KD; ร้อยละของสารสกัดเท่ากับ 10), สารสกัดปลีกล้วยน้าว้า(BB; ร้อยละของสารสกัด เท่ากับ 1.59), สารสกัดหมากเม่า (MM; ร้อยละของสารสกัด เท่ากับ 12.8), เส้นใยจากกากสับปะรด (PA; ร้อยละของสารสกัด เท่ากับ 10), เส้นใยจากกากถั่วเหลือง (SB; ร้อยละของสารสกัด เท่ากับ 12), และเส้นใยจากซังข้าวโพด (PCC; ร้อยละของสารสกัด เท่ากับ 85) (2) จากนั้นทาการศึกษาส่วนประกอบทางเคมี และ ฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น ของสารสกัด จากผลการศึกษาพบว่าสารสกัด H7 EtOH มีปริมาณสารกลุ่มฟีนอลิก และแอนโทไซยานินสูงที่สุด (180.67 ? 7.88 mg GAE/g extract และ 2.01 ? 0.03 mg C3G/g extract) ในขณะที่สารสกัด KD มีปริมาณสารกลุ่ม ฟลาโวนอยด์สูงที่สุด (12.01 ? 0.74 mg QE /g extract) ส่วนสารสกัด BB มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นสูงที่สุด นอกจากนี้พบว่า ในกลุ่มเส้นใยอาหารทั้ง 3 ชนิดมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นในชั้นไขมันได้ดี (4.89 ? 0.00 - 6.11 ? 2.35 mg BHT equivalence/g extract) แต่พบว่า เฉพาะ PCC เท่านั้นที่มีปริมาณสารกลุ่มฟีนอลิกและแอนโทไซยานินเป็นส่วนประกอบ ในขณะที่ SB และ PA ไม่พบว่ามีสารสาคัญเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ (3) จากนั้นทาการศึกษาการวิเคราะห์โดยประมาณเพื่อหาค่าสารอาหารโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน พลังงาน ปริมาณเส้นใยดิบ เถ้า และ ความชื้น ของเส้นใยอาหาร 3 ชนิด พบว่า ปริมาณเถ้าของเส้นใยแต่ละชนิดมีค่าใกล้เคียงกัน (1.46 ? 0.06 – 2.51 ? 0.02 g/ไฟเบอร์ 100 g) ปริมาณเส้นใยดิบใน PCC>PA>SB (13.24 ? 0.25 - 35.03 ? 0.02 g/ไฟเบอร์ 100 g) พบปริมาณความชื้นใน PA>PCC>SB (5.17 ? 0.16 - 15.64 ? 0.13 g/ไฟเบอร์ 100 g) สารอาหารและพลังงาน พบว่า SB ให้ปริมาณโปรตีน (35.99 ? 0.04 g/ไฟเบอร์ 100 g) และไขมัน (24.01 ? 0.07 g/ไฟเบอร์ 100 g) สูงที่สุด แต่ให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่าที่สุด (32.33 ? 0.03 g/ไฟเบอร์ 100 g) เมื่อเทียบกับ PA และ PCC ซึ่งสอดคล้องกับพลังงานที่ได้รับจากเส้นใย ที่พบว่า SB ให้พลังงานสูงสุด (489.35 ? 0.89 g/ไฟเบอร์ 100 g) (4) จากนั้นทาการศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดข้าว H7 fer และ H7 EtOH ต่อสมดุลเชื้อก่อโรค (S. aureus ATCC29213 และ E. coli ATCC25922) และเชื้อโพรไบโอติก (L. delbrueckii subsp. Lactis; LAB) เชื้อตัวแทนที่พบในระบบทางเดินอาหาร พบว่า สารสกัดข้าว H7 fer และ H7 EtOH มีฤทธิ์ที่จะช่วยในการปรับสมดุลของเชื้อในลาไส้ได้ โดยสารสกัด H7 fer มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อก่อโรค S. aureus และ E. coli สูงกว่า H7 EtOH โดยสารสกัด H7 fer มีค่า MIC และ MBC ของเชื้อทั้งสองชนิด อยู่ในช่วง 25 – 50 mg/mL ในขณะที่สารสกัด H7 EtOH มีผลต่อการยับยั้งเชื้อ S. aureus เท่านั้น (MIC = 50 mg/mL) ซึ่งสารสกัดทั้งสองมีผลทาลายผนังเซลล์ นอกจากนี้ ในสมดุลอีกด้านหนึ่งของระบบทางเดินอาหาร สารสกัด H7 fer และ H7 EtOH ยังมีฤทธิ์ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อโพรไบโอติก โดยพบว่า H7 fer ที่ความเข้มข้น 6.25 - 50 mg/mL สามารถ1-4 การวิจัยฤทธิ์ลดอ้วนจากสารสกัดราข้าวและสมุนไพรไทยเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์: ผลและกลไกการออกฤทธิ์ต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และปริมาณเชื้อแบคทีเรียในลาไส้ ผศ.ดร. แคทรียา สุทธานุช และคณะ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีงบประมาณ 2559 เพิ่มจานวนเชื้อ LAB เพิ่มขึ้นเป็นจานวน 1.70 x107 CFU/mL – 25.40 x107 CFU/mL ในทานองเดียวกัน H7 EtOH ที่ความเข้มข้น 6.25 - 25 mg/mL มีผลฤทธิ์การส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อ LAB เป็นจานวน 1.25 x107 CFU/mL – 21.40 x107 CFU/mL (จากจานวนเชื้อเริ่มต้น ตั้งต้นที่ 105 CFU/mL) แต่ H7 EtOH ที่ความเข้มข้นสูง (50 mg/mL) ส่งผลให้เกิดยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ LAB (5) จากนั้นศึกษาผลของสารสกัดข้าว H7 fer, H7 EtOH, KD, BB, และ MM ต่อฤทธิ์การต้านอักเสบที่เกิดจากการทางานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน พบว่า สารสกัดทุกตัวอย่างมีฤทธิ์ต้านการอักเสบของเซลล์ได้ โดยเฉพาะ H7 fer และ H7 EtOH มีฤทธิ์เทียบเคียงได้กับวิตามินซี (ร้อยละของการลดการเกิด ROS เท่ากับ 60% และ 80% ของกลุ่มควบคุม) นอกจากนี้ ยังพบฤทธิ์ต้านการอักเสบในสารสกัด KD, BB, และ MM โดยจัดเรียงประสิทธิภาพในการลด ROS ได้ดังนี้ BB>KD>MM โดยสามารถลดการสร้าง ROS ได้ 40 – 60% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม จากข้อมูลการศึกษาเหล่าชี้ชัดให้เป็นว่า สารสกัดจากราข้าวก่าH7 fer และ H7 EtOH มีคุณสมบัติที่จะช่วยรักษาสมดุลของระบบจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารได้ ทั้งการทาลายเชื้อก่อโรคและการส่งเสริมการเจริญเติบโตและการมีชีวิตของเชื้อโพรไบโอติก LAB รวมทั้งยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบของเซลล์ ดังนั้น สารสกัดในกลุ่มนี้จึงเหมาะที่จะนาไปพัฒนาต่อยอดเป็นอาหารเสริมสุขภาพและผลิตภัณฑ์ลดอ้วน เพื่อป้องกันสภาวะขาดความสมดุลของแบคทีเรียชนิดมีประโยชน์และชนิดก่อโรคในระบบทางเดินอาหาร (dysbiosis) ที่จะนาไปสู่โรคร้ายแรงอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการป้องกันและรักษาโรคอ้วนโดยการลดปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรคอ้วนอย่างภาวะขาดสมดุลของปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีและเชื้อก่อโรคในลาไส้ และการอักเสบเรื้อรังในเซลล์ได้ คาสาคัญ โพรไบโอติก, การหมัก, ข้าวก่า, เส้นใยอาหาร, ต้านภาวะอ้วน, การปรับระบบสมดุล, การต้านอักเสบ 1-5 การวิจัยฤทธิ์ลดอ้วนจากสารสกัดราข้าวและสมุนไพรไทยเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์: ผลและกลไกการออกฤทธิ์ต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และปริมาณเชื้อแบคทีเรียในลาไส้ ผศ.ดร. แคทรียา สุทธานุช และคณะ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีงบประมาณ 2559
บทคัดย่อ (EN): The digestive system is an important physiological system influenced by the local microbiotic ecology and colonization of microbes, comprises of pathogenic and probiotic microbiota. Therefore, the homeostasis of microbiota in this system need to be balance to prevent dysbiosis, the imbalance populations of microbes species between health beneficial microbial and pathogens. In recent, the microbiotic balancing in the digestive system can be promoted and controlled by functional foods. Hence, the purpose of this study was for to prepare the extracts, investigation of their chemical properties, determination of dietary fiber properties, and evaluation of a potential use of fermented rice bran extract and 50% ethanol rice extract to promote probiotic lactic acid bacteria and inhibit pathogens in parallel as well as anti-inflammation. (1) The extracts of black rice bran and herbal plants as well as fibers were prepared to be used in sub-project 1 and 2: fermented rice bran extract (H7 fer; %yield = 9.5), 50% ethanol rice extract (H7 EtOH; %yield = 9.6), Kaempferia parviflora extract (KD; %yield = 10), banana blossom extract (BB; %yield = 1.59), Thai blueberry extract (MM; %yield = 12.8), pineapple fiber (PA; %yield = 10), soy bean fiber (SB; %yield = 12), and corn cob fiber (PCC; %yield = 85). (2) Phytochemical contents and anti-oxidation activity of all samples were determined by using DPPH and TBARS assay and colorimetric reaction: different anti-oxidation and contents of phytochemicals among samples were found, the highest of phenolics and anthocyanins content are found in H7 EtOH (180.67 ? 7.88 mg GAE/g extract and 2.01 ? 0.03 mg C3G/g extract), whereas, the highest of flavonoid contents found in KD (12.01 ? 0.74 mg QE /g extract). For anti-oxidative activity, all fibers showed high anti-oxidation activity in lipophilic system (by TBARS assay) (4.89 ? 0.00 - 6.11 ? 2.35 mg BHT equivalence/g extract) whereas BB showed the highest potency in hydrophilic condition (by DPPH assay). Interestingly, the phytochemicals were not detectable in PA and SB, but PCC. (3) Proximate analysis showed that total ash of all fibers were similar (1.46 ? 0.06 – 2.51 ? 0.02 g/fiber 100 g), the crude fiber content were found in PCC>PA>SB (13.24 ? 0.25 - 35.03 ? 0.02 g/fiber 100 g), moisture content were found in PA>PCC>SB (5.17 ? 0.16 - 15.64 ? 0.13 g/fiber 100 g) and nutrition and calories, SB fiber contain the highest protein (35.99 ? 0.04 g/fiber 100 g and lipid amount (24.01 ? 0.07 g/fiber 100 g), yet, the lowest carbohydrate amount (32.33 ? 0.03 g/fiber 100 g). Relatively, SB had highest calories (489.35 ? 0.89 g/fiber 100 g). Therefore, PA fiber and PCC fiber are interested source as agent in anti-obesity product. (4) Next, the effect of H7 fer and H7 EtOH on pathogenic baccteria (S. aureus ATCC29213 and E. coli ATCC25922) and probiotic (L. delbrueckii subsp. Lactis; LAB) balancing was determined. The result showed potential of H7 fer and H7 EtOH in balancing of microorganism growth ingastrointestinal ecology.The H7 fer showed inhibition effect on S. aureus และ E. coli (MIC and MBC of H7 are in range of 25 – 50 mg/mL) whereas H7 EtOH showed only the inhibition effect on S.aureus (MIC = 50 mg/mL) via cell wall disruption of microorganism. In addition, H7 fer and H7 EtOH exhibited the promotion 1-6 of probiotic with different potency at concentration range 6.25 – 50 mg/m of H7 fer, whereas, at concentration range 6.25 – 25 mg/mL of H7 EtOH. On the other hand, the growth promoting of LAB of H7 fer and H7 EtOH were demonstrated, H7 fer (6.25 - 50 mg/mL) increased numbers of LAB as high as 1.70 x107 CFU/mL – 25.40 x107 CFU/mL, similar to H7 EtOH (6.25 - 25 mg/mL) with LAB numbers as 1.25 x107 CFU/mL – 21.40 x107 CFU/mL when compared to the initial LAB amount =105 CFU/mL. However, at concentration of H7 EtOH (50 mg/mL) showed LAB inhibition. (5) The evaluation of anti-inflammation of H7 fer, H7 EtOH, KD, BB, and MM in human leukocytes model were conducted. All samples showed anti-inflammation effects, especially H7 fer and H7 EtOH showed equivalent potency to vitamin C, resulted of reduction of ROS production as of 60% and 80% of negative control. In addition, the herbal extracts showed the anti-inflammation activity with difference potency as BB>KD>MM. The overall results indicated the potential of the H7 fer and H7 EtOH in applications for dysbiosis prevention and treatment that can be further developed as health promoting products and functional foods. This will fortify in anti-obesity prevention and treatment by eradiating of silence underlining factors of obesity development through balancing of intestinal microbiology and anti-inflammatory effects.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: ซังข้าวโพดข้าวเหนียวสีม่วง
คำสำคัญ (EN): purple corn cob.
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร
ข้อมูลทรัพยสินทางปัญญา
ประเภทIP อนุสิทธิบัตร
รายชื่อสิ่งประดิษฐ์ สูตรตำรับสารสกัดจากพืชที่มีฤทธิ์ลดไขมัน และกรรมวิธีการเตรียมสูตรดังกล่าว
เลขที่คำขอ 1803001141
วันที่ยื่นคำขอ 2018-03-29 12:00:00
เลขที่ประกาศ 17187
วันที่จดทะเบียน 2021-01-15 12:00:00
เลขที่จดทะเบียน 17187
วันที่ประกาศ 2021-01-15 12:00:00
สถานะปัจจุบัน เชิงพาณิชย์
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิจัยฤทธิ์ลดอ้วนจากสารสกัดรำข้าวและสมุนไพรไทยเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์: ผลและกลไกการออกฤทธิ์ต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และปริมาณเชื้อแบคทีเรียในลำไส้
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2561
สรุปชุดโครงการวิจัย การเฝ้าระวังการดื้อสารต้านจุลชีพของเชื้อแบคทีเรียและการศึกษากลไกทางเภสัชเพื่อกำหนดการใช้สารต้านจุลชีพในสัตว์น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ปีงบประมาณ 2546 - 2548 การวิจัยฤทธิ์ลดอ้วนจากสารสกัดรำข้าวและสมุนไพรไทยเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์: ผลและกลไกการออกฤทธิ์ต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และปริมาณเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ การพัฒนากระบวนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูแบบมีส่วนร่วม คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ การพัฒนาการถ่ายยีนเข้าสู่ข้าวโดยวิธี floral dip การพัฒนาผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดอบปรุงรสไขมันต่ำ การพัฒนาชุดตรวจแบบแถบสีสำหรับเชื้อ Vibrio parahaemolyticus และ V. vulnificus การพัฒนาเชื้อราไตรโคเดอร์มาปฏิปักษ์ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดโรคข้าวเป็นชีวภัณฑ์เชิงพาณิชย์ การสร้างมูลค่าเพิ่มและการพัฒนาภูมิปัญญาการทำข้าวทอดอบกรอบปรุงรสสมุนไพร การวิเคราะห์ปริมาณสารออกฤทธิ์ในสมุนไพรไทยโดยใช้แสงอินฟราเรดย่านใกล้ (Near infrared spectroscopy) Trans fat ไขมันปีศาจ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก