สืบค้นงานวิจัย
การลดการใช้สารเคมีในการเกษตรที่มีผลต่อสุขภาพ
Rapeeporn Kachachai - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การลดการใช้สารเคมีในการเกษตรที่มีผลต่อสุขภาพ
ชื่อเรื่อง (EN): Reduction of agriculture chemical substance use leading to adversed health effects among farmers
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Rapeeporn Kachachai
บทคัดย่อ: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ความตระหนักในอันตรายของปุ๋ยและสารเคมี ปัญหาสุขภาพและอาการเจ็บป่วยของเกษตรกรอันเนื่องมาจากการใช้ปุ๋ยและสารเคมี พฤติกรรมการ ใช้ปุ๋ยและสารเคมี ตลอดจนวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีของเกษตรกร รวมถึงศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการลดการใช้สารเคมีในการเกษตรโดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิง คุณภาพ กลุ่มตัวอย่างเป็นชาวนาใน จ. สุพรรณบุรี จำนวน 21 ราย โดยแบ่งชาวนาเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ชาวนากลุ่มใชปุ้๋ยและสารเคมี 7 ราย กลุ่มลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมี 7 ราย และกลุ่มเลิกใช้ปุ๋ยและ สารเคมี 7 ราย เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้การสังเกต การ สัมภาษณ์เจาะลึกและการบันทึกเทป ใช้เวลาในการเก็บข้อมูลนาน 3 เดือน ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรมีความตระหนักในอันตรายของสารเคมีที่มีผลต่อสุขภาพ ทั้ง ต่อตนเองและผู้บริโภคตลอดจนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีความเชื่อว่าการลดการใช้สารเคมี ช่วยลดต้นทุนในการผลิตและมีความปลอดภัยต่อสุขภาพ นอกจากนั้นยังการรับรู้เกี่ยวกับประโยชน์ ของปุ๋ย/ สารชีวภาพสามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตและมีความปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยอาการ เจ็บป่วยอันเนื่องจากการใช้สารเคมีที่เกิดขึ้นแก่เกษตรกรมีทั้งอาการเฉียบพลัน ได้แก่ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด เป็นลม มึนงง เป็นต้น อาการเรื้อรัง ซึ่งได้แก่ มีแผลเป็นๆ หายๆ หรือ มะเร็ง เป็นต้น ปัจจัยที่ทำให้เกษตรกรสามารถลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมี ได้แก่ การมีผู้นำ ลดการใช้สารเคมี ภาวะผู้นำชุมชนและการเป็นสมาชิกกลุ่มการเกษตร การได้รับความรู้ การอบรม ดูงานตามสถานที่ต่างๆ การมีปัญหาด้านสุขภาพและอาการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการใช้ปุ๋ยและ สารเคมี และการที่เกษตรกรเลิกใช้ปุ๋ยและสารเคมีหันมาใช้ปุ๋ยและสารชีวภาพมีปัจจัยด้านสุขภาพ และต้นทุนการผลิตเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดในการเลิกใช้ปุ๋ยและสารเคมีแต่ไม่ใช่เป็นปัจจัยที่ สำคัญที่สุดของเกษตรกรที่ลดการใช้ปุย๋ และสารเคมี เกษตรกรที่ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีมีปัจจัย ด้านต้นทุนการผลิตเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุด โดยมีปัจจัยที่สำคัญรองลงมา ได้แก่ ปัจจัยด้าน สุขภาพ การที่เกษตรกรลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมีได้นั้นมีปัจจัยด้านการเคยได้รับความรู้ เกี่ยวกับการลดต้นการผลิตและปลอดภัยต่อสุขภาพและการมีความสามารถในการหาวัตถุดิบมาใช้ ในการทำปุ๋ยและสารชีวภาพเป็นปัจจัยที่เอื้อให้สามารถลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมีลงได้ สำหรับเกษตรกรยังคงใช้ปุ๋ยและสารเคมีนั้นมีปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถลด/เลิกการใช้ปุ๋ยและ สารเคมีลงได้ ได้แก่ ความยุ่งยากในการผลิตปุ๋ยและการใช้และสารชีวภาพ ขาดความมั่นใจใน คุณภาพของปุ๋ยและสารชีวภาพ ผลการวิจัยนี้นำไปสู่ข้อเสนอแนะ ได้แก่ เกษตรกรส่วนใหญ่ขาด ความรู้ ความเข้าใจในอันตรายของสารเคมีต่อสุขภาพด้านการมองเห็นและพันธุกรรมควรมีการ เผยแพร่ความรู้ ให้สุขศึกษา รวมทั้งให้ความรู้ในการดูแลรักษาระบบนิเวศน์ร่วมด้วย การให้ความรู้ เกี่ยวกับการลดต้นทุนและมีความปลอดภัยสุขภาพ การศึกษาดูงาน การเป็นสมาชิกกลุ่มเกษตร ต่างๆ นั้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้เกษตรกรหันมาลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมี ดังนั้น จึงควรมีการให้ความรู้แก่เกษตรกรในรูปแบบของการอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยมีนักวิชาการ เกษตรกรที่ลด เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมีมาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ในการทำนาและคอย เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา แนะนำและให้กำลังใจแก่เกษตรกรที่ยังคงใช้ปุ๋ยและสารเคมี และควรมี การศึกษาดูงานนอกสถานที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้นในการผลิตและการใช้ปุ๋ยและ สารชีวภาพ
บทคัดย่อ (EN): chronic symptoms were repeated wounds and cancer. Factors affecting farmers behavioral changes in reducing and ending the use of chemicals were having a leader who reduced chemical use, being a member of various agricultural groups, receiving knowledge and having tour studies to many places, and facing health problems and illness caused by the use of chemical fertilizers and substances. The most important factors influencing the use of organic substances among farmers were cost of production, and health problems. However, these factors were not the most crucial factors that caused the reduction of agrichemical use among these samples. Other supporting factors were receiving knowledge about a concern for a cost reduction and health-related production, awareness to the danger of fertilizer and chemical application, and the ability to find materials. For those who could not reduce the use of chemicals. This was caused by difficulty in making organic chemistry, and lack of confidence about its quality. the research results, it showed that most farmers lacked knowledge and understanding about injuries caused by chemical fertilizers and substances especially vision problems. Therefore, health education, knowledge about, importance of health and safety production, safety of ecosystem, and field trips to various places should be provided. In addition, sharing knowledge and experiences about organic farming among farmers with the advice of academic officers should be encouraged as should. Besides, sharing knowledge and experiences about organic farming among farmers by the advice of academic officer should be set. And the government officer should encourage the farmers who still use chemicals to use organic substances instead. Lastly, the confidence-building in the quality of organic chemistry should be supported by all farmers.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2997&obj_id=2770
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Agrochemicals
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ความตระหนักในอันตรายของปุ๋ยและสารเคมี ปัญหาสุขภาพและอาการเจ็บป่วยของเกษตรกรอันเนื่องมาจากการใช้ปุ๋ยและสารเคมี พฤติกรรมการ ใช้ปุ๋ยและสารเคมี ตลอดจนวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีของเกษตรกร รวมถึงศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการลดการใช้สารเคมีในการเกษตรโดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิง คุณภาพ กลุ่มตัวอย่างเป็นชาวนาใน จ. สุพรรณบุรี จำนวน 21 ราย โดยแบ่งชาวนาเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ชาวนากลุ่มใชปุ้๋ยและสารเคมี 7 ราย กลุ่มลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมี 7 ราย และกลุ่มเลิกใช้ปุ๋ยและ สารเคมี 7 ราย เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้การสังเกต การ สัมภาษณ์เจาะลึกและการบันทึกเทป ใช้เวลาในการเก็บข้อมูลนาน 3 เดือน ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรมีความตระหนักในอันตรายของสารเคมีที่มีผลต่อสุขภาพ ทั้ง ต่อตนเองและผู้บริโภคตลอดจนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีความเชื่อว่าการลดการใช้สารเคมี ช่วยลดต้นทุนในการผลิตและมีความปลอดภัยต่อสุขภาพ นอกจากนั้นยังการรับรู้เกี่ยวกับประโยชน์ ของปุ๋ย/ สารชีวภาพสามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตและมีความปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยอาการ เจ็บป่วยอันเนื่องจากการใช้สารเคมีที่เกิดขึ้นแก่เกษตรกรมีทั้งอาการเฉียบพลัน ได้แก่ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด เป็นลม มึนงง เป็นต้น อาการเรื้อรัง ซึ่งได้แก่ มีแผลเป็นๆ หายๆ หรือ มะเร็ง เป็นต้น ปัจจัยที่ทำให้เกษตรกรสามารถลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมี ได้แก่ การมีผู้นำ ลดการใช้สารเคมี ภาวะผู้นำชุมชนและการเป็นสมาชิกกลุ่มการเกษตร การได้รับความรู้ การอบรม ดูงานตามสถานที่ต่างๆ การมีปัญหาด้านสุขภาพและอาการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการใช้ปุ๋ยและ สารเคมี และการที่เกษตรกรเลิกใช้ปุ๋ยและสารเคมีหันมาใช้ปุ๋ยและสารชีวภาพมีปัจจัยด้านสุขภาพ และต้นทุนการผลิตเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดในการเลิกใช้ปุ๋ยและสารเคมีแต่ไม่ใช่เป็นปัจจัยที่ สำคัญที่สุดของเกษตรกรที่ลดการใช้ปุย๋ และสารเคมี เกษตรกรที่ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีมีปัจจัย ด้านต้นทุนการผลิตเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุด โดยมีปัจจัยที่สำคัญรองลงมา ได้แก่ ปัจจัยด้าน สุขภาพ การที่เกษตรกรลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมีได้นั้นมีปัจจัยด้านการเคยได้รับความรู้ เกี่ยวกับการลดต้นการผลิตและปลอดภัยต่อสุขภาพและการมีความสามารถในการหาวัตถุดิบมาใช้ ในการทำปุ๋ยและสารชีวภาพเป็นปัจจัยที่เอื้อให้สามารถลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมีลงได้ สำหรับเกษตรกรยังคงใช้ปุ๋ยและสารเคมีนั้นมีปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถลด/เลิกการใช้ปุ๋ยและ สารเคมีลงได้ ได้แก่ ความยุ่งยากในการผลิตปุ๋ยและการใช้และสารชีวภาพ ขาดความมั่นใจใน คุณภาพของปุ๋ยและสารชีวภาพ ผลการวิจัยนี้นำไปสู่ข้อเสนอแนะ ได้แก่ เกษตรกรส่วนใหญ่ขาด ความรู้ ความเข้าใจในอันตรายของสารเคมีต่อสุขภาพด้านการมองเห็นและพันธุกรรมควรมีการ เผยแพร่ความรู้ ให้สุขศึกษา รวมทั้งให้ความรู้ในการดูแลรักษาระบบนิเวศน์ร่วมด้วย การให้ความรู้ เกี่ยวกับการลดต้นทุนและมีความปลอดภัยสุขภาพ การศึกษาดูงาน การเป็นสมาชิกกลุ่มเกษตร ต่างๆ นั้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้เกษตรกรหันมาลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมี ดังนั้น จึงควรมีการให้ความรู้แก่เกษตรกรในรูปแบบของการอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยมีนักวิชาการ เกษตรกรที่ลด เลิกการใช้ปุ๋ยและสารเคมีมาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ในการทำนาและคอย เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา แนะนำและให้กำลังใจแก่เกษตรกรที่ยังคงใช้ปุ๋ยและสารเคมี และควรมี การศึกษาดูงานนอกสถานที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้นในการผลิตและการใช้ปุ๋ยและ สารชีวภาพ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การลดการใช้สารเคมีในการเกษตรที่มีผลต่อสุขภาพ
Rapeeporn Kachachai
มหาวิทยาลัยมหิดล
2549
พฤติกรรมการใช้สารเคมีในการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ต่อสุขภาพเด็ก การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการเลี้ยงกุ้งกุลาดำด้วยวิธีการใช้สารเคมีและไม่ใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ (ระยะโพสลาวา-ตัวเต็มวัย) การใช้สารเคมีเหนี่ยวนำการลงเกาะของลูกหอยหวาน ความรู้และการปฏิบัติของเกษตรเกี่ยวกับการใช้สารธรรมชาติทางการเกษตรในการผลิตผัก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ การศึกษาการลดปริมาณของสารเจือปนโดยวิธีทางเคมีในการกลั่นเอธิลแอลกอฮอล์ การวิเคราะห์การใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตลำไยโดยเทคนิคการประมวลผลภาพ การลดปริมาณสารแขวนลอยของน้ำเสียจากโรงงานถุงมือยางโดยการใช้ไคโตซานเป็นสารช่วยสร้างตะกอน ระบบที่อาศัยการไหลอย่างง่ายเพื่อลดขนาดการวิเคราะห์ทางเคมีของกรดไขมันอิสระ กลูตาไทโอนและสารเคมีจากเซลล์ประสาท การใช้ของเสียจากกระบวนการผลิตน้ำมันพืชเพื่อเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพโ ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการใช้และการป้องกันอันตรายจากการใช้สารกำจัดศัตรูพืชกับภาวะสุขภาพของผู้รับจ้างฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืชในนาข้าว จังหวัดชัยนาท
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก