สืบค้นงานวิจัย
การเปรียบเทียบวิธีการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ปลูกข้าวขาวดอกมะลิอินทรีย์พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
วัชรี แซ่ตั้ง - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การเปรียบเทียบวิธีการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ปลูกข้าวขาวดอกมะลิอินทรีย์พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ชื่อเรื่อง (EN): Compare with Soil Fertility Evaluation Method of Khao Dawk Mali Organic Rice Based on Geographic Information System in Tung Kula Ronghai.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วัชรี แซ่ตั้ง
บทคัดย่อ: การศึกษาเปรียบเทียบวิธีการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ปลูกข้าวขาวดอกมะลิพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ประกอบไปด้วย 3 ส่วนที่สำคัญ คือ ส่วนที่หนึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการเปรียบเทียบวิธีการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ปลูกข้าว ส่วนที่สองเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน และส่วนที่สามเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ในการศึกษาส่วนที่หนึ่ง จากการเปรียบเทียบวิธีการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ปลูกข้าว พบว่าการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินของกองสำรวจดิน (2523) จะมีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญกับวิธีการประเมินของ Land Classification Division and FAO Project Staff (1973) ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยที่น่าจะมีผลทำให้วิธีการประเมินมีความแตกต่างกันนั้นน่าจะเกิดจากสมบัติทางเคมีดิน, ระดับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และเกณฑ์ค่าวิเคราะห์ทางเคมีของดินซึ่งปัจจัยดังกล่าวในแต่ละวิธีการประเมินจะมีความแตกต่างกัน สำหรับการศึกษาส่วนที่สอง จากการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้จะพบว่าวิธีการประเมินของกองสำรวจดิน (2523) พื้นที่ส่วนใหญ่จะมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 85.42% ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง 2.51% และไม่พบพื้นที่ความอุดมสมบูรณ์สูง ซึ่งคุณสมบัติทางเคมีที่ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ได้แก่ ความสามารถในการแลกเปลี่ยนไอออนบวก, อินทรียวัตถุ,ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ สำหรับการประเมินของ Land Classification Division and FAO Project Staff (1973) พบว่าวิธีการประเมินสำหรับข้าว พื้นที่ส่วนใหญ่จะมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 80.74% ความอุดมสมบูรณ์ต่ำถึงค่อนข้างต่ำ 3.85 % ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง 2.04% ความอุดมสมบูรณ์ปานกลางถึงค่อนข้างสูง 0.49% และความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ 0.82% ซึ่งคุณสมบัติทางเคมีที่ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ได้แก่ อินทรียวัตถุ และฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ ในส่วนการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินสำหรับพืชไร่ พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 39.16% ความอุดมสมบูรณ์ต่ำถึงค่อนข้างต่ำประมาณ 3.93%, ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง 2.03% และพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำประมาณ 42.82% ซึ่งคุณสมบัติทางเคมีดินที่มีผลทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ได้แก่ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ ในส่วนที่สามเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดิน พบว่าความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปโดยจะมีความอุดมสมบูรณ์ที่ลดลงทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการจัดการดินที่ไม่ถูกวิธี เช่น อาจมีการใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้น ซึ่งปุ๋ยเคมีบางชนิดจะมีธาตุบางตัวตกค้างในดินมีผลทำให้ดินมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารในดินลดลงหรือขาดการปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุอย่างต่อเนื่อง เช่น อาจมีการใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยพืชสดปริมาณน้อย จึงเป็นผลทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ เป็นต้น
บทคัดย่อ (EN): The comparison of soil fertility in Tung Kula Ronghai evaluation methods composed of 3 important parts. The first part was the comparison of soil fertility evaluation methods. The second part was the evaluation of soil fertility. The third part was the study of soil fertility changes. In the first part, it was found that the evaluation methods of Soil Survey Division (1980) and Land Classification Division and FAO Project Staff (1973) were significantly different. The reason may be because of the difference between soil chemical properties, soil fertility level and soil chemical properties categories.In the second part, soil fertility was evaluated by Soil Survey Division (1980) method in paddy field. It was appeared that low level soil fertility area covered 85.42%, while moderate level soil fertility area covered 2.51% and high fertility area was not found. The parameters which showed low fertility were cation exchange capacity, organic matter content, available phosphorus and available potassium. When the method of Land Classification Division and FAO Project Staff (1973) was applied, it was found that low fertility area, somewhat low fertility area, low to somewhat low fertility area covered; moderately fertility area, high fertility area covered 80.74%, 0.82%, 3.85%, 2.04% and 0.49%, respectively. The parameters which showed low fertility were organic matter content and available phosphorus. The evaluation for upland crops was also applied. It was appeared that low fertility, low to somewhat low fertility, moderately fertility and somewhat low fertility areas covered 39.16%, 3.93%, 2.03% and 42.82%, respectively. The parameter which showed low fertility was available phosphorus. In the third part, the soil fertility changes in Tung Kula Ronghai tended to decrease. This may be because of non-appropriate soil management, e.g. the increase of chemical fertilizer application without soil improvement.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ทุ่งกุลาร้องไห้
คำสำคัญ (EN): Tung Kula Rong Hai
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเปรียบเทียบวิธีการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ปลูกข้าวขาวดอกมะลิอินทรีย์พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2554
การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เพื่อประเมินอัตราการชะล้างพังทลายของดิน ในพื้นที่ลุ่มน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น บูรณาการความรู้มะม่วงน้ำดอกไม้ในเขตพื้นที่ตำบลดงมูลเหล็กเพื่อส่งเสริมการส่งออก การตอบสนองของความหอมและผลผลิตของข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในชุดดินบางชุดดินในทุ่งกุลาร้องไห้ การผลิต resistant starch จากแป้งข้าวด้วยวิธีการย่อยแป้งด้วยกรดร่วมกับการให้ความร้อนและความชื้น การประเมินการใช้กำลังคนในการพัฒนาชนบท การเปรียบเทียบวิธีการทดสอบความต้านทานต่อโรคขอบใบแห้งในข้าวด้วยวิธีการปลูกพืชที่แตกต่างกัน การคาดการณ์การเกิดชั้นดานในพื้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวซ้ำซากโดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในจังหวัดนครราชสีมา การใช้สารสนเทศภูมิศาสตร์ในการจัดทำแผนส่งเสริมการเกษตร การใช้ข้อมูล RADARSAT-1 SAR (standard mode) เพื่อทำแผนที่แสดงพื้นที่ปลูกข้าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก