สืบค้นงานวิจัย
การหาค่าที่เหมาะสมต่อการผลิตอาหารเสริมชีวนะสำหรับอาหารสัตว์ด้วยกระบวนการหมักแบบแห้ง โดยใช้มันสำปะหลังเส้นเป็นวัตถุดิบหลัก
วิเชียร กิจปรีชาวนิช - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การหาค่าที่เหมาะสมต่อการผลิตอาหารเสริมชีวนะสำหรับอาหารสัตว์ด้วยกระบวนการหมักแบบแห้ง โดยใช้มันสำปะหลังเส้นเป็นวัตถุดิบหลัก
ชื่อเรื่อง (EN): Optimization of probiotic production for animal feed by solid state fermentation using cassava chip as substrate
บทคัดย่อ: จากการคัดเลือกเชื้อ Bacillus sp. ที่มีความสามารถในการสร้างกรดจำนวน 85 สายพันธุ์โดยดูจากการเปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์ bromocresol purple พบว่าสายพันธุ์ A5 เป็นสายพันธุ์ที่สามารถสร้างกรดได้ดี และมีความสามารถในการยังยั้งเชื้อ Escherichia coli, Staphylococcus aureus และ Salmonella typhimurium นอกจากนี้เชื้อสายพันธุ์ A5 แสดงถึงความสามารถในการทนกรดเกลือที่พีเอช 3 ซึ่งมีอัตราการรอดชีวิตเท่ากับ 81 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่สามารถเติบโตได้ในอาหารที่ประกอบด้วยเกลือน้ำดีความเข้มข้น 3 เปอร์เซ็นต์ จากการคัดเลือกเชื้อรา Rhizopus sp. ที่สามารถผลิตเอนไซม์แอลฟาอะไมเลสได้ดีจำนวน 24 สายพันธุ์ด้วยการเพาะเลี้ยงแบบแห้งโดยใช้มันสำปะหลังเป็นสับสเตรท พบว่าสายพันธุ์ TISTR 3522 เป็นสายพันธุ์ที่สามารถผลิตเอนไซม์แอลฟาอะไมเลสได้ดีที่สุดโดยให้กิจกรรมของเอนไซม์เท่ากับ 94 ยูนิตต่อกรัมน้ำหนักแห้ง ดังนั้นจึงทำการเพาะเลี้ยงร่วมระหว่างเชื้อรา Rhizopus sp. TISTR 3522 และเชื้อ Bacillus sp. A5 เพื่อผลิตเอนไซม์แอลฟาอะไมเลสและสารเสริมชีวนะด้วยกระบวนการหมักแบบแห้ง โดยทำการศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมต่อการผลิตเอนไซม์แอลฟาอะไมเลส และการเติบโตของเชื้อที่เป็นสารเสริมชีวนะ พบว่าสภาวะที่เหมาะสมคือ อาหารที่ประกอบด้วยแอมโมเนียมอะซิเตทความเข้มข้น 0.3 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง ความชื้นเริ่มต้นเท่ากับ 50 เปอร์เซ็นต์ พีเอชเริ่มต้นเท่ากับ 6 ทำการเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 5 วัน โดยให้กิจกรรมของเอนไซม์แอลฟาอะไมเลสเท่ากับ 101.73 ยูนิตต่อกรัมน้ำหนักแห้ง และปริมาณเชื้อที่เป็นสารเสริมชีวนะเท่ากับ 10.61 log cfu ต่อน้ำหนักแห้งจากการคัดเลือกเชื้อ Bacillus sp. ที่มีความสามารถในการสร้างกรดจำนวน 85 สายพันธุ์โดยดูจากการเปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์ bromocresol purple พบว่าสายพันธุ์ A5 เป็นสายพันธุ์ที่สามารถสร้างกรดได้ดี และมีความสามารถในการยังยั้งเชื้อ Escherichia coli, Staphylococcus aureus และ Salmonella typhimurium นอกจากนี้เชื้อสายพันธุ์ A5 แสดงถึงความสามารถในการทนกรดเกลือที่พีเอช 3 ซึ่งมีอัตราการรอดชีวิตเท่ากับ 81 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่สามารถเติบโตได้ในอาหารที่ประกอบด้วยเกลือน้ำดีความเข้มข้น 3 เปอร์เซ็นต์ จากการคัดเลือกเชื้อรา Rhizopus sp. ที่สามารถผลิตเอนไซม์แอลฟาอะไมเลสได้ดีจำนวน 24 สายพันธุ์ด้วยการเพาะเลี้ยงแบบแห้งโดยใช้มันสำปะหลังเป็นสับสเตรท พบว่าสายพันธุ์ TISTR 3522 เป็นสายพันธุ์ที่สามารถผลิตเอนไซม์แอลฟาอะไมเลสได้ดีที่สุดโดยให้กิจกรรมของเอนไซม์เท่ากับ 94 ยูนิตต่อกรัมน้ำหนักแห้ง ดังนั้นจึงทำการเพาะเลี้ยงร่วมระหว่างเชื้อรา Rhizopus sp. TISTR 3522 และเชื้อ Bacillus sp. A5 เพื่อผลิตเอนไซม์แอลฟาอะไมเลสและสารเสริมชีวนะด้วยกระบวนการหมักแบบแห้ง โดยทำการศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมต่อการผลิตเอนไซม์แอลฟาอะไมเลส และการเติบโตของเชื้อที่เป็นสารเสริมชีวนะ พบว่าสภาวะที่เหมาะสมคือ อาหารที่ประกอบด้วยแอมโมเนียมอะซิเตทความเข้มข้น 0.3 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง ความชื้นเริ่มต้นเท่ากับ 50 เปอร์เซ็นต์ พีเอชเริ่มต้นเท่ากับ 6 ทำการเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 5 วัน โดยให้กิจกรรมของเอนไซม์แอลฟาอะไมเลสเท่ากับ 101.73 ยูนิตต่อกรัมน้ำหนักแห้ง และปริมาณเชื้อที่เป็นสารเสริมชีวนะเท่ากับ 10.61 log cfu ต่อน้ำหนักแห้ง
บทคัดย่อ (EN): Eighty-five strains of acid producing Bacillus sp. were isolated based on the colour change of bromcresol purple. The strain A5 was selected as a potent acid producing strain. Strain A5 demonstrated the ability to inhibit Escherichia coli, Staphylococcus aureus and Salmonella typhimurium. Moreover, the strain revealed the acid tolerant at pH3 with 81% survival rate but not growth in the medium containing 3% bile salt. In parallel, 24 strains of Rhizopus sp. were used for selection alpha-amylase producing strain by solid state fermentation using cassava chip as substrate. Among these strains, TISTR 3522 produced the highest alpha-amylase with 94 U/g dry substrate. So, Rhizopus sp. TISTR 3522 and Bacillus sp. A5 were used as co-culture for amylase production and probiotic by solid state fermentation. The optimized condition for the enzyme production and growth of co-culture of Rhizopus sp. TISTR 3522 and Bacillus sp. A5 were studied. The maximum enzyme activity (101.73 U/g dry substrate) and growth of Bacillus sp. (10.61 log cfu) was obtained in the medium consisted of 0.3 g/g substrate NH4NO3 as inorganic nitrogen, with 50% of initial moisture and initial pH 6 for 5 days cultivation.Eighty-five strains of acid producing Bacillus sp. were isolated based on the colour change of bromcresol purple. The strain A5 was selected as a potent acid producing strain. Strain A5 demonstrated the ability to inhibit Escherichia coli, Staphylococcus aureus and Salmonella typhimurium. Moreover, the strain revealed the acid tolerant at pH3 with 81% survival rate but not growth in the medium containing 3% bile salt. In parallel, 24 strains of Rhizopus sp. were used for selection alpha-amylase producing strain by solid state fermentation using cassava chip as substrate. Among these strains, TISTR 3522 produced the highest alpha-amylase with 94 U/g dry substrate. So, Rhizopus sp. TISTR 3522 and Bacillus sp. A5 were used as co-culture for amylase production and probiotic by solid state fermentation. The optimized condition for the enzyme production and growth of co-culture of Rhizopus sp. TISTR 3522 and Bacillus sp. A5 were studied. The maximum enzyme activity (101.73 U/g dry substrate) and growth of Bacillus sp. (10.61 log cfu) was obtained in the medium consisted of 0.3 g/g substrate NH4NO3 as inorganic nitrogen, with 50% of initial moisture and initial pH 6 for 5 days cultivation.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: มันสำปะหลังเส้น
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การหาค่าที่เหมาะสมต่อการผลิตอาหารเสริมชีวนะสำหรับอาหารสัตว์ด้วยกระบวนการหมักแบบแห้ง โดยใช้มันสำปะหลังเส้นเป็นวัตถุดิบหลัก
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2553
อาหารจากมันสำปะหลัง การใช้กากมันสำปะหลังร่วมกับส่าเหล้าเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์สำหรับสุกร การใช้มันสำปะหลังหมักโปรตีนสูงเป็นอาหารสัตว์ การศึกษาความต้องการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ การพัฒนาการผลิตสารเสริมชีวนะ (Probiotics) เพื่อใช้ในอาหารสัตว์ปีก อาหารบำรุงสมอง การป้องกันสารกำจัดวัชพืชตกค้างในการผลิตมันสำปะหลัง การประเมินค่าการย่อยได้ของอินทรียวัตถุ และพลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้ของอาหารสัตว์โดยวิธี Hohenhien Gas Test (2) วัตถุดิบอาหารสัตว์ การใช้เทคโนโลยีชีวภาพปรับปรุงคุณภาพวัตถุดิบอาหารสัตว์ในท้องถิ่นเป็นอาหารสัตว์ปีก ปริมาณฟอสฟอรัสในอาหารสำเร็จรูปสำหรับปลานิลและวัตถุดิบอาหารสัตว์บางชนิด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก