สืบค้นงานวิจัย
การจัดการเพื่อลดการปนเปื้อนสารหนูในการผลิตข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง
อรทัย ศุกรียพงศ์ - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.)
ชื่อเรื่อง: การจัดการเพื่อลดการปนเปื้อนสารหนูในการผลิตข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง
ชื่อเรื่อง (EN): Management for Reducing Arsenic Contaminated in Rice Productionfrom Risky Area
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อรทัย ศุกรียพงศ์
บทคัดย่อ: ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ คนไทยบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก มีเกษตรกรไทยปลูกข้าวประมาณ 37 ล้านครัวเรือน และมีการส่งออกข้าวกว่าแสนล้านบาทต่อปี โดยในปี 2558 มีการส่งออกข้าว 9.79 ล้านตัน มูลค่า 155,912 ล้านบาท ในปี 2549-2552 กรมพัฒนาที่ดิน ได้ศึกษาและตรวจวิเคราะห์ดินในพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ และพบว่าค่าพื้นฐานของสารหนูมีค่าค่อนข้างสูง คือ 26 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตรวจพบว่าเมล็ดข้าวมีสารหนูสูงกว่า 0.35 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ร้อยละ 13.5 ของจำนวนตัวอย่างที่ศึกษา ซึ่งสารหนูเป็นสารที่มีความเป็นพิษต่อมนุษย์สูง คณะกรรมการโคเด็กช์สาขาปนเปื้อน จึงกำหนดมาตรฐานการปนเปื้อนสารหนูในข้าวสาร โดยกำหนดปริมาณสูงสุดของสารหนูอนินทรีย์ในข้าวขาวและข้าวกล้อง ที่ระดับ 0.2 และ 0.35 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมตามลำดับ เพื่อสุขภาพอนามัยของประชาชนผู้บริโภคข้าวและเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบที่มีต่อการส่งออกข้าว และผลิตภัณฑ์จากข้าวของไทย การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์ศึกษาปัจจัยที่ทำให้เกิดการสะสมของสารหนูสูงในเมล็ดข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง และหาวิธีลดการปนเปื้อนที่เหมาะสม โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น 3 โครงการย่อย คือ โครงการที่ 1 ปริมาณและรูปทางเคมีของสารหนูในดิน และเมล็ดข้าวจากแหล่งผลิตที่มีการปนเปื้อนในดินสูง โดยทำการสำรวจจัดทำข้อมูลพื้นที่เสี่ยง การวิเคราะห์รูปทางเคมีของสารหนูในดิน และในข้าวตามช่วงระยะเวลาการเจริญเติบโตของข้าว โครงการที่ 2 การจัดการผลิตข้าวที่เหมาะสมเพื่อลดการสะสมของสารหนูในข้าว โดยศึกษาปัจจัยการจัดการน้ำ การจัดการปุ๋ย และการจัดการโดยใช้แกลบเผาในดินทราย ดินร่วน และดินเหนียว ณ ศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย ศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร ศูนย์วิจัยข้าวปราจีนบุรี และศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง โครงการที่ 3 ผลการขัดสีต่อปริมาณสารหนูในเมล็ดข้าว ศึกษาโดยการคัดเลือกตัวอย่างข้าวที่มีปริมาณสารหนูสูงไปทดสอบการสีข้าวด้วยเครื่องสีข้าวขนาดเล็กแบบใช้แรงเสียดทาน คานถ่วงน้ำหนัก 1,400 กรัม ที่เวลา 10 , 30 และ 60 วินาที ผลการศึกษา พบว่าปริมาณสารหนูในข้าวกล้องในพื้นที่เสี่ยงอยู่ในช่วง 0.009-0.559 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และปริมาณสารหนูในดินมีค่าในช่วง 0.077-32.478 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ปริมาณสารหนูในน้ำที่เกษตรกรใช้ในการเพาะปลูกอยู่ในช่วงตรวจไม่พบถึง 0.032 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณสารหนูในปุ๋ยมีค่าระหว่าง ตรวจไม่พบถึง 0.016 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แสดงว่าการปนเปื้อนสารหนูในดิน เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนสารหนูในเมล็ดข้าว รูปของสารหนูในดินของพื้นที่ศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในรูปที่จับกับเหล็กออกไซด์ และรูปที่เคลื่อนที่ได้ยาก ร้อยละของปริมาณสารหนูที่เคลื่อนที่ได้ในดินแปลงข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ข้าวหอมมะลิแดง และข้าวไรซ์เบอร์รี่ มีค่าเป็น 21.9, 24.6, 24.5 และ 24.4 ตามลำดับ รูปของสารหนูในเมล็ดข้าวทั้ง 4 ชนิด ส่วนใหญ่อยู่ในรูปอาร์เซไนต์ รองลงมาอยู่ในรูปไดเมทธิลอาร์เซเนต และสารหนูในรูปอาร์ซิเนต เฉลี่ยร้อยละ 0.52, 0.13 และ 0.05 ตามลำดับ โดยตรวจไม่พบสารหนูในรูปโมโนเมทชิลอาร์โซนิกในข้าวทุกตัวอย่าง ในการจัดการผลิตข้าวที่เหมาะสมเพื่อลดการสะสมสารหนูในเมล็ดข้าว ณ ศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย พบว่าการใส่หินฟอสเฟตในดินร่วนและดินเหนียวปนทรายแป้งทำให้สารหนูลดลงเฉลี่ยร้อยละ 8.24 และ 13.29 ตามลำดับ ส่วนการใส่แกลบเผาในดินร่วนและดินเหนียวปนทรายแป้งสามารถลดสารหนูในเมล็ดข้าวลงร้อยละ 9.94 และ 11.60 ตามลำดับ การทดลอง ดินร่วน ใส่หินฟอสเฟตทำให้สารหนูลดลงเฉลี่ยร้อยละ 8.24 ดินร่วนปนทราย ใช้การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้งทำให้สารหนูลดลงเฉลี่ยร้อยละ 12.82 ดินเหนียว ใส่แกลบเผาทำให้สารหนูในเมล็ดข้าวลดลงเฉลี่ยร้อยละ 23.05 * กรณีในเขตพื้นที่ภาคใต้ควรจัดการด้วยวิธีเปียกสลับแห้ง ดินเหนียวปนทรายแป้ง ใส่หินฟอสเฟตทำให้สารหนูลดลงเฉลี่ยร้อยละ 13.29 ณ ศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร พบว่าการจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้งในดินร่วนปนทรายทำให้สารหนูลดลงเฉลี่ยร้อยละ 12.82 การใส่หินฟอสเฟตในดินร่วนปนทราย และดินร่วนเหนียวปนทรายแป้งทำให้สารหนูในเมล็ดข้าวลดลงร้อยละ 0.42 และ 6.97 ตามลำดับ การใส่แกลบเผาในดินร่วนปนทรายและดินร่วนเหนียวปนทรายสารหนูลดลงเฉลี่ยร้อยละ 1.42 และ 3.02 ตามลำดับ การทดลอง ณ ศูนย์วิจัยข้าวปราจีนบุรี พบว่าการใส่หินฟอสเฟตในดินเหนียวและดินเหนียวปนทรายแป้ง ทำให้สารหนูในเมล็ดข้าวลดลงเฉลี่ยร้อยละ 3.37 และ 1.40 ตามลำดับ การใส่แกลบเผาในดินเหนียวสารหนูในเมล็ดข้าวลดลงเฉลี่ยร้อยละ 23.05 การทดลอง ณ ศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง กรรมวิธีการจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง การใส่ฟอสเฟต และการใส่แกลบเผา ให้ผลดีต่อการลดสารหนูในเมล็ดข้าว โดยการจัดการน้ำในดินร่วน และดินเหนียวสามารถลดสารหนูได้เฉลี่ยร้อยละ 0.49 และ 9.54 ตามลำดับ การใส่ฟอสเฟตในดินร่วนปนทรายแป้ง ลดสารหนูในเมล็ดข้าวได้เฉลี่ยร้อยละ 1.42 และการใส่แกลบเผาในดินร่วน ดินร่วนปนทรายแป้งและดินเหนียวลดสารหนูในเมล็ดข้าวเฉลี่ยร้อยละ 5.12, 0.75 และ 0.58 ตามลำดับ ผลการขัดสีต่อปริมาณสารหนูในเมล็ดข้าว พบว่าปริมาณสารหนู 4 สปีชีส์ที่มักพบในข้าว ได้แก่ As (III), As (V), DMA และ MMA โดยวิธี HPLC-ICP-MS ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของปริมาณสารหนูทั้งหมด สารหนูรวม (As (III) + As (V) + DMA + MMA) และสารหนูอนินทรีย์ (As (III) + As (V)) ในข้าวที่ผ่านการสี โดยการสีเอาเยื่อหุ้มเมล็ดออกหมด (Well milling) ที่ระดับการสี (Degree of Milling) ร้อยละ 9-10 ทำให้ปริมาณสารหนูอนินทรีย์ลดลงมาในระดับที่เป็นไปตามมาตรฐานโคเด็กซ์ (ไม่เกิน 0.20 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) หากข้าวกล้องมีสารหนูอนินทรีย์ไม่เกิน 0.35 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และพบว่าข้าวกล้องที่มีสารหนูอนินทรีย์ไม่เกิน 0.26 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม การสีเอาเยื่อหุ้มเมล็ดออกบางส่วน (Partially-milling) ที่ระดับการสีร้อยละ 6-8 ทำให้ปริมาณสารหนูอนินทรีย์ลดลงมาในระดับที่เป็นตามมาตรฐานโคเด็กซ์ ขณะที่ปริมาณสารหนูอินทรีย์ ได้แก่ DMA ที่พบในข้าวก่อนและหลังการสี ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในข้าวมีสีทั้ง 3 พันธุ์ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในข้าวขาว 2 พันธุ์ ที่นำมาทำการทดสอบ สอดคล้องกับผลวิเคราะห์รำข้าวที่ได้จากการสีเอาเยื่อหุ้มเมล็ดออกหมด (Well milling) ในเวลา 30 วินาที จะมีปริมาณ As (III) และ As (V) สูงกว่าในเมล็ดข้าวที่ผ่านการสีและข้าวกล้อง แต่พบปริมาณ DMA ในรำข้าวน้อยกว่าในเมล็ดข้าวที่ผ่านการสีและข้าวกล้อง ดังนั้น การสีข้าวเอาเยื่อหุ้มเมล็ดออกสามารถลดปริมาณสารหนูอนินทรีย์ ได้แก่ As (III) และ As (V) ลงได้ แต่ไม่สามารลดปริมาณ DMA ซึ่งเป็นสารหนูอินทรีย์ลงได้
บทคัดย่อ (EN): Rice is important economic crop of Thailand. Thai people consume rice as a major dish. More than 37 million farmer household growing rice and the export value of Thais rice is more than a thousand million baht per year. In the year 2015, the amount of 9.79 million tons of rice was export ed and the export value was 155,912 million baht. During the year 2006-2009, Land Development Department studied and analyzed soil samples collected from the area growing economic crop. The results found that arsenic background concentration in Thais soil was rather high of 26 milligram per kilogram and found that 13.5 percent of studied brown rice grain samples contain arsenic higher than 0.35 milligram per kilogram. Arsenic is highly toxic to human health. Codex standard of inorganic arsenic for polished and brown rice are 0.2 and 0.35 milligram per kilogram, respectively. For good health of people who consume rice and avoid negative impact of Thai rice export, the study for reducing arsenic in rice grain was conducted and the objective is to study factors which highly induce arsenic accumulation in rice grain growing in risky area and study suitable method to reduce arsenic contamination. The study include 3 sub projects, which are 1) Arsenic content and speciation in soil and rice samples from high contaminated areas 2) Suitable management for rice production to reduce arsenic accumulating in paddy rice and 3) Effect of polishing on arsenic contents in rice grain. The studied results showed that arsenic concentration in studied area soil samples ranged from 0.077-32.478 milligram per kilogram. Arsenic concentration in rice grain ranged from 0.009-0.559 milligram per kilogram. Arsenic concentration in agricultural water ranged from nd-0.032 milligram per liter and arsenic comcentration in fertilizer ranged from nd-0.016 milligram per kilogram. This implied that arsenic contamination in soil is the cause of arsenic contaminated in rice grain, The sequential extraction resulit from studied soil was mostly in bound to Fe oxide and rather immobile form. Arsenic mobility percentage in soil growing rice of Pathumtkani 1, Khao Dawk Mali 105, Mali-Dang and Riceberry were 21.9, 24.6, 24.5 and 24.4, respechively. Average percentage of arsenic form in the four species of rice grain, were 0.52, 0.13 and 0.05 for As (III), DMA and As(V), respectivety. In the study to find out suitable management for reducing the accumulation of arsenic in rice grain, at Chiang Rai Rice Research Center found that adding RP in L and SiC could decrease arsenic in rice grain average of 8.24 and 13.29% respectively. Adding RHC in L and SiC could decrease arsenic in rice grain average of 9.94 and 11.60%, respectively. The studied results at Sakon Nakhon Rice Research center showed that AWD water management in SL could decrease arsenic in rice grain average of 12.82%. Adding rock phosphate in SL and SiCL could decrease arsenic in rice grain average of 0.42 and 6.97%, respectively and adding RHC in SL and SCL could decreare arsenic in rice grain average of 1.42 and 3.02%, repectively. For Prachin Buri Rice Research center, the results showed that adding RP in C and SiC could decrease arsenic in rice grain average of 3.37 and 1.40%, respectively and adding RHC in C could decrease arsenic in rice grain average of 23.05%. The results of AWD water management, adding RP and adding RHC application at Pattalung Rice Research center showed that AWD water management in L and C could decrease arsenic in rice grain average of 0.49 and 9.54%, respectively. Adding RP in SiL could decrease arsenic in rice grain average of 1.42% and adding RHC in L, SiL and C could decrease arsenic in rice grain average of 5.12, 0.75 and 0.58%, respectively. The results study of Effect of polishing on arsenic eontents in rice grain showed that there were statistically significant decrease in total arsenic and the summation of four arsenic species (As (III) + As (V) + DMA + MMA) and inorganic arsenic (As (III)+ As (V)) of polished rice samples. If brown rice samples contained inorganic arsenic contents less than 0.35 mg/kg, milling at the degree of milling of 9-10% (well milling) could decrease in inorganic arsenic contents complying with Codex standard (lower than 0.20 mg/kg for polished rice). If brown rice samples contained inorganic arsenic contents less than 0.26 mg/kg, milling at the degree of milling of 6-8% (partially-milling) could decrease inorganic arsenic contents complying with Codex standard. There was no significant difference in DMA contents of brown rice and polished rice in the three pigmented rice varieties but there was and increasing trend in the two white rice varieties. The findings were in agreement with arsenic contents found in rice bran samples. The rice bran samples (thirty seconds polishing) contained higher contents of As (III) and As (V) than polished rice and brown rice samples. In contrast, DMA contents in rice bran samples were lower than polished rice and brown rice samples. In conclusion, polishing can reduce inorganic arsenic namely As (III) and As (V) but cannot reduce organic arsenic (DMA) in rice.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.)
คำสำคัญ: การขัดสีข้าว
คำสำคัญ (EN): Risky Area
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการเพื่อลดการปนเปื้อนสารหนูในการผลิตข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.)
15 ธันวาคม 2559
การผลิต Inulin และ Oligofructose จากกล้วยเพื่อใช้เป็นสารเสริมอาหาร ข้าวให้พลังงานผสานคุณค่าอาหาร ศักยภาพและการผลิต Gamma-PGA เพื่อใช้ลดการปนเปื้อนของโลหะหนักบางชนิดในข้าว การจัดการเพื่อลดการปนเปื้อนสารหนูในการผลิตข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง (ปีที่ 2) การจัดการเพื่อลดการปนเปื้อนสารหนูในการผลิตข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง (ปีที่ 2) สถานการณ์การผลิตและการจัดการผลผลิตข้าวนาปี ของเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ การจัดการไนโตรเจนและสังกะสีเพื่อเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพข้าวที่ปลูกในดินที่ปนเปื้อนสารแคดเมียม การพัฒนาเชื้อราไตรโคเดอร์มาปฏิปักษ์ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดโรคข้าวเป็นชีวภัณฑ์เชิงพาณิชย์ การปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าว การผลิตข้าวอินทรีย์ ของจังหวัดสุรินทร์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก