สืบค้นงานวิจัย
การประยุกต์ใช้น้ำสกัดชีวภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ชาญณรงค์ ชมนาวัง - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ชื่อเรื่อง: การประยุกต์ใช้น้ำสกัดชีวภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ชื่อเรื่อง (EN): Application of bio-extracts for increasing agricultural productivity
บทคัดย่อ: น้ำสกัดชีวภาพได้มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการผลิตทางการเกษตรของประเทศไทยอย่างกว้างขวางในทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้เกิดการผลิตน้ำสกัดชีวภาพที่หลากหลายวิธีการและองค์ ประกอบของวัตถุดิบ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษากระบวนการผลิตน้ำสกัดชีวภาพ องค์ประกอบทางโภชนาการ และประสิทธิภาพที่มีต่อพืชของน้ำสกัดชีวภาพแต่ละสูตรที่ผลิตได้ จากผลการวิจัย ใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ดิน เชื้อจุลินทรีย์จากอีเอ็ม และ สารเร่ง พด.2 จากกรมพัฒนาที่ดิน เป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์ในการผลิตน้ำสกัดชีวภาพจากเศษผัก เศษอาหาร และเศษปลา ที่เสริมโมลาส และรำข้าวละเอียด เปรียบเทียบกับตำรับควบคุมไม่ใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ ในถังหมักขนาด 40 ลิตร หลังจากหมักเป็นเวลา 18 วัน พบว่า ทุกตำรับทดลองมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) อยู่ในช่วง 3.32-6.60 ค่าการนำไฟฟ้า (EC) อยู่ในช่วง 4.78-19.08 ไมโครซีเมน/เซนติเมตร, อินทรีย์วัตถุ (OM) อยู่ในช่วง 5.75-19.14% จำนวนแบคทีเรีย ยีสต์และรา อยู่ในช่วง 40.6-190x104, 32.6-110.6x104 และ 31.4-83x104cfu/ml ตามลำดับ และปริมาณธาตุอาหารพืช ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และ โปแตสเซียม (K) อยู่ในช่วง 1.41-1.95% , 0.52-3.82% และ 1.50-4.53% ตามลำดับ และเมื่อทำการขยายการผลิตน้ำสกัดชีวภาพในถังหมักขนาด 200 ลิตร นาน 35 วัน พบว่า ทุกตำรับทดลองมีค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 3.27-8.83 ค่าการนำไฟฟ้าอยู่ในช่วง 3.36-19.97 ไมโครซีเมน/เซนติเมตร, อินทรีย์วัตถุอยู่ในช่วง 6.75-20.31% จำนวนแบคทีเรีย ยีสต์และรา อยู่ในช่วง 44-138.7x107, 41.3-106x107 และ 37.3-80.7x107cfu/ml ตามลำดับ และปริมาณธาตุอาหารพืช ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ โปแตสเซียม อยู่ในช่วง 1.44-2.03% , 0.58-4.63% และ 1.50-4.73% ตามลำดับ ผลการวิเคราะห์ตัวอย่างดินก่อนปลูกพืชพบว่ามีค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 4.25-4.32 ปริมาณฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ไนโตรเจนและอินทรีย์วัตถุอยู่ในช่วง 11.39-13.21 ppm, 20.79-25.71 ppm, 0.11-0.13% และ 1.44-1.62% ตามลำดับ หลังจากนั้นใส่ปุ๋ยปรับดินและวัดค่าต่างๆ พบว่า มีค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 5.46-5.64 ปริมาณฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ไนโตรเจนและอินทรีย์วัตถุอยู่ในช่วง 126.91-185.76 ppm, 203.59-276.39 ppm, 0.14-0.21% และ 1.82-1.90% ตามลำดับ และเมื่อนำน้ำสกัดชีวภาพที่ใช้หัวเชื้อดิน และใช้เศษปลาเป็นวัตถุดิบมาทดสอบกับพืชปลูก 3 ชนิดคือ คะน้า ถั่วฝักยาวและข้าวโพด ที่อัตราการเจือจางน้ำสกัดชีวภาพ 1:20, 1:40, 1:60, 1:80 และ 1:100 พบว่าคะน้าที่อัตราเจือจางน้ำสกัดชีวภาพ 1:60 ในวันที่ 50 ของการปลูก ให้ผลผลิตสดเฉลี่ยมากที่สุด แต่ผลผลิตน้ำหนักแห้งเฉลี่ยมากที่สุดในวันที่ 40 ของการปลูก ในข้าวโพดน้ำหนักต้นสดและต้นแห้งเฉลี่ยมีค่ามากที่สุดที่อัตราเจือจาง 1:40 ส่วนฝักสดและฝักแห้งเฉลี่ย มีค่ามากที่สุดที่อัตราเจือจาง 1:80 ในการปลูกถั่วฝักยาวพบว่าน้ำหนักต้นสดและต้นแห้งเฉลี่ย น้ำหนักฝักสดและฝักแห้งเฉลี่ย มีค่ามากที่สุดที่อัตราเจือจาง 1:100 ทุกพืชปลูกผลผลิตที่ได้เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ใส่ปุ๋ยมีค่าสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญทุกระดับการเจือจางปุ๋ย จากนั้นทำการวิเคราะห์ดินหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตพบว่ามีค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 5.26-5.33 ปริมาณฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ไนโตรเจนและอินทรีย์วัตถุอยู่ในช่วง 111.83-134.32 ppm, 183.33-225.73 ppm, 0.12-0.19% และ 1.35-1.59% ตามลำดับ รวมทั้งทำการวิเคราะห์ความหนาแน่นดิน ค่าปริมาณไนโตรเจนที่นำมาใช้ประโยชน์ได้และมวลชีวภาพจุลินทรีย์ดินพบว่ามีค่าอยู่ในช่วง 1.26-1.81 mg/g soil, 28.25-49.69% และ 1.33-1.50 mg/g soil ตามลำดับ คำสำคัญ หัวเชื้อจุลินทรีย์, น้ำสกัดชีวภาพ, เศษผัก, เศษอาหาร, เศษปลา
บทคัดย่อ (EN): The past decade bio-extracts had the important for agricultural productivity process of Thailand. There have many methods and materials structure’s bio-extract production. The fermentation of bio-extract was aimed to investigate on the production, use and efficiency of bio-extract. The available materials of various residues such as vegetables and fish residues and food residues from food service center were fermented with molasses, rice bran and the three microorganisms as a starter for bio-extract biofertilizer production. The bio-extract production was conducted with 4 treatments as follows: starter from soil, starter from EM (effective microorganism), Poor-Dor 2 starter from the Land Development Department and without starter. After fermentation in a 40 liter (L) fermentor for 18 days showed that all experimental treatments acidity-alkalinity (pH) in the range 3.32 to 6.60; electrical conductivity (EC) ranged from 4.78 to 19.08 micro Siemens/cm; organic matter (OM) in the range from 5.75 to 19.14%; number of bacteria, yeast and fungi in the range 40.6-190x104, 32.6-110.6x104 and 31.4-83x104 cfu/ml respectively, and the amount of plant nutrients nitrogen (N), phosphorus (P) and potassium (K) in the range of 1.41 to 1.95%, from 0.52 to 3.82% and from 1.5 to 4.53%, respectively. When the expansion bioextracts in 200 L fermentor for 35 days showed that all the formulations experimental pH in the range from 3.27 to 8.83; conductivity in the range from 3.36 to 19.97 micro Siemens/cm; in the range from 6.75 to 20.31% organic matter; bacteria, yeast and fungi in the range 44-138.7x107, 41.3-106x107 and 37.3-80.7x107 cfu/ml respectively, and the amount of plant nutrients nitrogen, phosphorus and potassium in the range from 1.44 to 2.03%, 0.58 to 4.63% and 1.5-4.73%, respectively. Analysis of soil samples before planting showed pH is in the range from 4.25 to 4.32 the amount of nitrogen, phosphorus, potassium and organic matter in the range of 11.39 to 13.21 ppm, 20.79 to 25.71 ppm, 0.11 to 0.13% and 1.44 to 1.62%, respectively. After fertilizing the soil and measured values showed a pH is in the range from 5.46 to 5.64 the amount of nitrogen, phosphorus, potassium and organic matter in the range 126.91 to 185.76 ppm, 203.59 to 276.39 ppm, 0.14 to 0.21% and 1.82 to 1.90%, respectively. When used to extract biological soil inoculum. The use fish waste as plant materials were tested with three kinds of kale, beans and corn. The dilution rate bioextracts 1:20, 1:40, 1:60, 1:80 and 1:100 dilutions were bioextracts kale at 1:60 on the 50th of growing fresh produce average. Most the average dry matter yield in the 40 days of the corn grown in the fresh and dry weight, the highest average rate of 1:40 dilution of the fresh pods, dried pods and average most valuable at 1:80 dilution in growing beans fresh and dry weight were average. Average dry weight of pods and pods most valuable, at 1:100 dilution, all plant yield compared to no fertilizer had significantly higher levels of diluted fertilizer. And analyzing the soil after harvest showed pH is in the range from 5.26 to 5.33 the amount of nitrogen, phosphorus, potassium and organic matter in the range 111.83 to 134.32 ppm, 183.33 to 225.73 ppm, 0.12 to 0.19% and 1.35 to 1.59%, respectively. Include the analysis of soil density. The amount of nitrogen that can be utilized and the soil microbial biomass, the values were in the range 1.26 to 1.81 mg/g soil, 28.25 to 49.69% and 1.33 to 1.50 mg/g soil, respectively. Keywords effective microorganism, bio-extract fertilizer, vegetables residues, fish residues, food residues
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
คำสำคัญ: ถั่วฝักยาว
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

ชาญณรงค์ ชมนาวัง. "การประยุกต์ใช้น้ำสกัดชีวภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรApplication of bio-extracts for increasing agricultural productivity". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. 2555

ชาญณรงค์ ชมนาวัง. "การประยุกต์ใช้น้ำสกัดชีวภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรApplication of bio-extracts for increasing agricultural productivity". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. 2555. Print.



TARR Wordcloud:
การประยุกต์ใช้น้ำสกัดชีวภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ชาญณรงค์ ชมนาวัง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
30 กันยายน 2555
การใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพของดินและผลผลิตข้าวโพดฝักอ่อนในระบบเกษตรอินทริย์ การมีส่วนร่วมฟื้นฟูป่าชายเลนร่วมกับการใช้ปุ๋ยน้ำสกัดชีวภาพในนากุ้งธรรมชาติต่อกำลังผลิตสัตว์น้ำแบบยั่งยืน การจัดการดินที่เหมาะสมด้วยพืชปุ๋ยสดร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ และแหนแดงเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และผลผลิตของผักคะน้า ข้าวโพดฝักอ่อนภายใต้การปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ในกลุ่มชุดดินที่ 7 วิจัยและพัฒนาการใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากยีสต์เพื่อผลิตคะน้าอินทรีย์ ผลของอัตราและระยะเวลาการใช้น้ำหมักชีวภาพกากยีสต์ที่เหมาะสมเพื่อผลิตคะน้า มูลค่าเพิ่มขึ้นของวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรโดยผลิตกาซชีวภาพ การถ่ายทอดผลผลิตและลักษณะทางการเกษตรของข้าวโพดข้าวเหนียว ผลผลิต องค์ประกอบและการใช้ประโยชน์ของน้ำหวานต้นจากในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ศึกษาการใช้ปุ๋ยอินทรีย์สูตรถ่านชีวภาพ(ไบโอชาร์) เพื่อลดการสูญเสียไนโตรเจนและเพิ่มผลผลิตผักคะน้า การพัฒนาการผลิตแตงกวา คะน้า ผักโขม พริก และถั่วฝักยาว ด้วยไคโตซาน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair