สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาวิธีการคัดเลือกพันธุ์ข้าวต้านทานและการศึกษาพฤติกรรมการกินของเพลี้ยกระโดดสีน้้าตาล Nilaparvata lugens (Stål) และเพลี้ยกระโดดหลังขาว Sogatella furcifera (Horvath)
อาจารย์ ดร.จริยา รอดดี - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาวิธีการคัดเลือกพันธุ์ข้าวต้านทานและการศึกษาพฤติกรรมการกินของเพลี้ยกระโดดสีน้้าตาล Nilaparvata lugens (Stål) และเพลี้ยกระโดดหลังขาว Sogatella furcifera (Horvath)
ชื่อเรื่อง (EN): Development of Methods for Selecting Resistant Rice Varieties and Study of Feeding Behaviors of Brown Planthopper Nilaparvata lugens (Stål) and White-backed Planthopper, Sogatella furcifera (Horvath)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อาจารย์ ดร.จริยา รอดดี
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
  1. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
บทคัดย่อ: การศึกษาโครงการวัยเรื่องพัฒนาวิธีการคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวที่ต้านต่อเพลี้ยยกระโดด สีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาวและการศึกษาพฤติกรรมการกินของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล Niloparvoto lugens (Stal) และเพลี้ยกระโดดหลังขาว Sogotella furcyfera (Horvath) มีวัตถุประสงค์ เพื่อการพัฒนาวิธีการคัดเลือกพันธุ์ข้าวที่ต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว ประกอบด้วย 3 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 การพัฒนาวิธีการคัดเลือกสายพันธ์ต้านทานข้าวต่อเพลี้ย กระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว ด้วยการทดสอบอัตราการปล่อยมูลหวาน อัตราการกินด้วย วิธีการตรวจวัดการดูดกินด้วยกระแสไฟฟ้า Electrical Penetration Graph (EPG) และการเจริญเติบโต กิจกรรมที่ 2 การศึกษาลักษณะทางสรีรวิทยาของข้าวและกลไกการต้านทานต่อการเช้าทำลายของเพลี้ย กระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว และกิจกรรมที่ 3 การศึกษายืนที่เกี่ยวข้องกับความต้านทานของ ข้าวต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว เพื่อให้ได้วิธีการที่ได้มาตรธานและได้สายพันธ์ ข้าวที่ต้านทานต่อการทำลายของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว การศึกษาพบว่า อัตรา การปล่อยมูลหวาน ข้าวพันธุ์/สายพันธุ์ต้านทานมีอัตราการกินของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ย กระโดดหลังขาวน้อยกว่าข้าวพันธุ์/สายพันธุ์อ่อนแอ อัตราการกินด้วยวิธีการตรวจวัดการดูดกินด้วย กระแสไฟฟ้า Electrical Penetration Graph (EPG) พบว่า ข้าวพันธ์/สายพันธุ์ต้านทานจะมีอัตราการกิน ของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาวน้อยกว่าข้าวพันธุ์/สายพันธุ์อ่อนแอ ลักษณะกราฟ ของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่เกิดขึ้นมี 5 ลักษณะ ได้แก่ Np, N1, N2, N3, และ N4 ในขณะที่ลักษณะกราฟ ของเพลี้ยกระโดดหลังขาว พบ 6 ลักษณะ โดยในเพลี้ยกระโดดหลังขาวมีการจำแนกลักษณะกราฟที่เกิดขึ้น ในช่วงการดูดกินชั้นท่อลำเลี้ยงอาหาร (N4) ออกเป็น 2 ลักษณะคือ N4-a และ N4-b การวิเคราะห์ เปรียบเทียบลักษณะกราฟที่เกิดจากการดูดกินของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว ข้าวที่ พบจำนวนครั้งและระยะเวลาในดูดกินชั้นท่อลำเลียงอาหารมากจะมีความอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และเพลี้ยกระโดดหลังขาว นอกจากนี้ยังทดสอบอัตราการเจริญเติบโตของเพลี้ยกระโดด โดยพบว่าวิธีการวัด การเจริญเติบโตนั้นเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการคัดเลือกพันธุ์ต้านทาน กิจกรรมที่ 2 การศึกษาลักษณะทางสรีรวิทยาของข้าว พบว่า ข้าวพันธ์อ่อนแอมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาเมื่อมีการเข้าทำลายของเพลี้ย กระโดดสีน้ำตาลมากกว่าเพลี้ยกระโดดหลังขาว ส่วนการเข้าทำลายของเพลี้ยกระโดดหลังขาวนั้นทำให้ ค่าดัชนีความเขียวใบลดลงแบบไม่มีความสอดคล้องกับปัจจัยอื่น ๆ ปริมาณ tichome ที่อยู่บนผิวของ กาบใบและคอรวงอาจจะเป็นหนึ่งในกลไกในการต้านทานต่อแมลง โดย tichome จะไปขัดขวางการ สัมผัสและเข้าทำลายของแมลง นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์สารเมทาบอไลท์และการแสดงออกพบว่า การแสดงออกของยืน PR10a มีความสอดคล้องกับยืนต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในข้าวพันธ์ ต้านทาน กิจกรรมที่ 3 การศึกษายืนที่เกี่ยวข้องกับความต้านทานของข้าวต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและ เพลี้ยกระโดดหลังขาว การวัดปริมาณมูลหวาน (honeydew) ด้วยเทคนิคชองพาราฟิล์ม สามารถสะท้อนถึงปริมาณและคุณภาพของการกินอาหารของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาวได้ วิธีดังกล่าว สามารถใช้ในการศึกษาความต้านทานและคัดเลือกพันธุ์ข้าวต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ดี การศึกษาความต้านทานของพันธุ์/สายพันธุ์ข้าวในระยะออกดอกต่อเพลี้ยกระโดด ค้นพบองค์ความรู้ใหม่ เกี่ยวกับความต้านทานของพันธุ์ข้าวบางพันธุ์ เพลี้ยกระโดดไม่สามารถดูกินบริเวณกาบใบธงของของพันธุ์ ต้านทาน เกิดจากการการทำงานของยืนต้านทานในพันธุ์ข้าวนั้น ๆ นอกจากนี้ยังพบว่าเพลี้ยกระโดดสามารถ ดูดกินน้ำเลี้ยงของคอรวงและลำตันภายใต้กาบใบได้ ทั้งที่ตำแหน่งบนต้นข้าวที่ใช้ทดลอบอยู่ใกล้กันมาก แสดงว่าทั้งกาบใบและคอรวงต้องมีลักษณะบางอย่างที่แตกต่างกัน จากการศึกษารจัยครั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้ดับทนทคโลยีในการคัดเลือกพันธ์ต้านท้าวต่อ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาวตันแบบแบบเทคโนโลยีในการนำมาใช้ทดสอบพันธุ์ด้านที่ได้ มาตรฐานและแม่นยำ นักวิชาการ/นักปรับปรุงพันธ์สามารถใช้ต้นแบบวิธีการเพื่อคัดเลือกพันธุ์ต้านทาน ได้ ลักษณะและสายพันธุ์ข้าวต้านทานต่อการเข้าทำลายของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังชาว และกลไกการแสดงออกของยืนที่แสดงความต้านทานต่อการเข้าทำลายของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ย กระโดดหลังขาว ซึ่งจะเป็นแนวทางในการควบคุมการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดด หลังขาวและเป็นแนวทางค้นหาแหล่งพันธุกรรมที่สามารถต้านทานได้ดีในระยะช้าวออกดอกมาใช้ในการ พัฒนาพันธุ์ข้าว ให้ได้พันธุ์ต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดที่ครอบคลุมทุกระยะการเจริญเติบโตของข้าว
บทคัดย่อ (EN): The research project study on the development of a method for selecting rice cultivars resistant and studies of feeding behavior of brown planthopper Nilaparvata lugens (Stål) and white-backed planthopper, Sogatella furcifera (Horvath). The objectives of this research were to develop a method for the selection of rice cultivars resistant to brown planthopper and white-backed planthopper. The experiment consisted of 3 activities: the first activity was the development of a method for the selection of rice cultivars resistant to brown planthopper and white-backed planthopper. The feeding behavior of insects was tested by the honeydew drop method, Electrical Penetration Graph (EPG) technique, and the growth rate method. Second activity: a study on rice physiology and resistance mechanisms of brown planthopper and white-backed planthopper. And final activity: a study of genes related to rice resistance against brown planthopper and white-backed planthopper. To obtain a standardized method and obtain rice cultivars resistant to the infestation of the brown planthopper and white-backed planthopper. The first study found planthopper makes more the area of honeydew drop that is related to the quality of feeding. The susceptible rice varieties/species found a low area of honeydew drop than rice resistant varieties/species. The feeding behavior of the planthopper was measured by the EPG and found that the resistant rice varieties/species had less number and duration of probing of the brown planthopper and the white-backed planthopper than the susceptible rice varieties/species. The waveform of the brown planthopper was found 5 waveforms namely Np, N1, N2, N3, and N4, while the waveform of the white-backed planthopper showed 6 waveforms. It was categorized into 2 types: N4-a and N4-b related to the phloem ingestion. In the comparative analysis of the waveform characteristics of the brown planthopper and the white-backed planthopper, the rice with a high number and duration of a probe on the vascular layer of phloem penetration was susceptible to both planthoppers. Moreover, the growth rate used for rice resistant evaluation found that the growth rate method was suitable to be used in the selection of resistant cultivars. Second activity; the study of physiological characteristics of rice revealed that susceptible rice cultivars had physiological changes upon the infestation of the planthopper found virulent in the brown planthopper than whitebacked planthopper. The infestation of white-backed planthoppers resulted in a decrease in leaf greenness index inconsistent with other factors. Moreover, the trichome content on the leaf sheath and cortical surfaces may be one of the mechanisms of insect resistance by trichomes. There may support that trichomes interrupt the touch and destruction of insects. In addition, metabolite and expression analyses revealed that PR10a gene expression was consistent with the brown planthopper resistance gene in resistant rice varieties. Fial activity: a study of genes related to rice resistance against brown planthopper and white-backed planthopper. Determination of honeydew droppings by parafilm sachet technique can reflect the quantity and quality of feeding of the brown planthopper and the white-backed planthopper. Such methods can be used to study resistance and to select rice cultivars resistant to brown planthopper as well. Study on the resistance of cultivars/species in the flowering period against planthoppers we found the new knowledge about the planthopper cannot feed on the leaf sheaths of some resistant varieties. It was caused by the activity of resistance genes in that rice variety. Moreover, the results found that the planthopper was able to suck up the sap of the stem and stem under the leaf sheath. Although the locations on the rice plants used for testing were very close to each other. The result shows that both the leaf sheath and the neck must have some different characteristics. From this research study, the research team has discovered a technology for selecting rice cultivars resistant to brown planthopper and white-backed planthopper as a prototype of technology to be used to test standardized and accurate resistance cultivars. Academics or breeders can use model methods to select resistant varieties. In addition, this study found key characteristics that characterize rice cultivars' resistance to planthoppers and the gene expression mechanism showing resistance to brown plant planthopper and white-backed planthopper infestation. This will be a guideline for controlling the outbreak of brown planthopper and white-backed planthopper and finding a genetic source that can resist well in the flowering period for use in the development of cultivars resistant to planthoppers that cover all stages of rice growth.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: เพลี้ยกระโดดหลังขาว
คำสำคัญ (EN): Sogatella furcifera (Horvath)
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

อาจารย์ ดร.จริยา รอดดี. "การพัฒนาวิธีการคัดเลือกพันธุ์ข้าวต้านทานและการศึกษาพฤติกรรมการกินของเพลี้ยกระโดดสีน้้าตาล Nilaparvata lugens (Stål) และเพลี้ยกระโดดหลังขาว Sogatella furcifera (Horvath)Development of Methods for Selecting Resistant Rice Varieties and Study of Feeding Behaviors of Brown Planthopper Nilaparvata lugens (Stål) and White-backed Planthopper, Sogatella furcifera (Horvath)". สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) . 2564

อาจารย์ ดร.จริยา รอดดี. "การพัฒนาวิธีการคัดเลือกพันธุ์ข้าวต้านทานและการศึกษาพฤติกรรมการกินของเพลี้ยกระโดดสีน้้าตาล Nilaparvata lugens (Stål) และเพลี้ยกระโดดหลังขาว Sogatella furcifera (Horvath)Development of Methods for Selecting Resistant Rice Varieties and Study of Feeding Behaviors of Brown Planthopper Nilaparvata lugens (Stål) and White-backed Planthopper, Sogatella furcifera (Horvath)". สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) . 2564. Print.



TARR Wordcloud:
การพัฒนาวิธีการคัดเลือกพันธุ์ข้าวต้านทานและการศึกษาพฤติกรรมการกินของเพลี้ยกระโดดสีน้้าตาล Nilaparvata lugens (Stål) และเพลี้ยกระโดดหลังขาว Sogatella furcifera (Horvath)
อาจารย์ ดร.จริยา รอดดี
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2564
อิทธิพลของพันธุ์ข้าวต่อการดึงดูดตัวห้ำมวนเขียวดูดไข่ (Cyrtorhinus lividipennis Reuter) และแตนเบียนไข่ (Anagrus optabilis (Perkins)) ศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยกระโดดสีน้ําตาล (Nilaparvata lugens (Stål)) อิทธิพลของพืชร่วมระบบนิเวศนาข้าวต่ออการดึงดูดและเป็นแหล่งอาหารให้กับตัวห้ํามวนเขียวดูดไข่ (Cyrtorhinus lividipennis Reuter) ศัตรูธรรมชาติที่สําคัญของเพลี้ยกระโดดสีน้ําตาล (Nilaparvata lugens Stål) การค้นหาเครื่องหมายพันธุกรรมในการคัดเลือกลักษณะทางเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มสมรรถภาพการผลิตโคไทยบราห์มัน การวิจัยและพัฒนาอาหารสำหรับแม่พันธุ์กุ้งขาวแวนนาไม การพัฒนาชุดเครื่องหมายดีเอ็นเอสำหรับคัดเลือกลักษณะการให้ปริมาณน้ำนมและความต้านทานโรคเต้านมอักเสบในโคนมทรอปิคอลโฮลสไตน์ การวิจัยและพัฒนาการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การสกัด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ จากข้าวเหนียวดําพันธุ์ลืมผัว การปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตวัตถุดิบสมุนไพรข้าวเย็นเหนือ การพัฒนาระบบการเลี้ยงอัตโนมัติหอยมุกน้้าจืดระยะจูวีไนล์ การสร้างวิธีตรวจสุขภาพกุ้งเพื่อคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ และลูกกุ้งที่ทนต่อโรคไวรัสตัวแดงดวงขาว การปรับปรุงพันธุ์ข้าวลูกผสมเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพสำหรับการแปรรูปเชิงอุตสาหกรรม ระยะที่ 2 ปีที่ 2
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair