สืบค้นงานวิจัย
การจัดการศัตรูมะขามหวานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยการมีส่วนร่วมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์
พิพัฒน์ ชนาเทพาพร - มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
ชื่อเรื่อง: การจัดการศัตรูมะขามหวานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยการมีส่วนร่วมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์
ชื่อเรื่อง (EN): Management of sweet tamarind’s pest with sufficient economy by participation of sweet tamarind community enterprise of Phetchabun province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พิพัฒน์ ชนาเทพาพร
บทคัดย่อ: การวิจัยเรื่อง การจัดการศัตรูมะขามหวานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยการมีส่วนร่วม ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะขามหวานจังหวัดเพชรบูรณ์ นี้มีวัดถุประสงค์เพื่อศึกษา วิธีการ ป้องกันกำจัดหนอนเจาะฝักมะ ขามหวาน รป้องกันกำจัดหนอนเจาะกึ่งมะขามหวาน ละ การควบคุมราแป้งโดยน้ำหมักชีวภาพจากพืชสมุนไพร โดยการมีส่วนร่วมของเกษตรกร ผลการวิจัยมีรายละเอียดดังนี้ 1.วิธีการป้องกันกำจัดหนอนเจาะฝักมะขามหวาน การศึกษาชีวิทยาและฤดูกาลระบาดของ หนอนเจาะฝึก พบว่า เป็นหนอนผีเสื้อกลางคืนที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ciripestis Sugitifevelia มีลำตัวขนาดเล็กสีเทาอ่อน ตัวหนอนสีชมพูอ่อน ชอบทำรังเข้าดักแด้เป็นกลุ่มติดกับเปลือก โดยใช้ มูลของหนอนปกคลุม วางไข่เป็นฟองเคี่ยว ๆ มีวงจรชีวิต 34-46 วัน ระบาคมากในระยะคาบหมู จนถึงระยะเก็บเกี่ยว ประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม พันธุ์มะขามหวานที่ถูกทำลายมากที่สุด ได้แก่ พันธุ์ศรีชมกู และพันธุ์ประกายทอง ตามลำดับ และการป้องกันกำจัดหนอนเจาะฝัก พบว่า การฉีดพ่นด้วยน้ำหมักชีวภาพจากพืชสมุนไพร ได้ผลดีที่สุดทั้งในพันธุ์ตรีชมกูและพันธุ์ประกายทอง พบหนอนทำลายเพียง 1.00 และ 0.5 ตัวต้น ในพันธุ์สีชมกูได้ผลรองลงมาคือ การใช้น้ำส้มควันไม้ ส่วนพันธุ์ประกายทองรองลงมาคือ การใช้ สารไซเพอร์เมทริน 10 % EC (มกก้า) และการใช้น้ำส้มควันไม้ พบหนอนทำลาย 1.25 และ 1.5 ตัว ตามลำดับ ซึ่งไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 2.การป้องกันกำจัดหนอนเจาะกึ่งมะขามหวานเปรียบเทียบระหว่างการตัดแต่งกิ่งและ ไม่ตัดแต่งกิ่ง โดยแบ่งการทดลองออกเป็นระยะ 2, 4. 6 และ 8 เดือน พบว่า มะขามหวานที่ได้รับ การตัดแต่งกิ่ง มีปริมาณการเข้าทำลาย พบว่า มีค่าเฉลี่ย คือ 2.92 กิ่ง/ต้น ส่วน การไม่ตัดแต่งกึ่ง มีปริมาณการเข้าทำลาย มีค่าเฉลี่ย คือ 7.00 กิ่งต้นมากขึ้น ตามลำดับ และผลการทูดลอง ในการป้องกันกำจัดหนอนเจาะกึ่งมะขามหวาน ทั้งหมด 4 ทรีตเมนต์ 4 ช้ำ ประกอบไปด้วย ทรีดเมนต์ที่ 1 : ปล่อยตามธรรมชาติ ทรีตเมนต์ที่ 2: ฉีดพ่นน้ำหมัก สมุนไพร ทรีตเมนต์ที่ 3 : ฉีดนสารเคมี ทรีตเมนต์ที่ 4 : ฉีดพ่นสารชีวภัณฑ์ รวม 16 หน่วยทคลอง พบว่า ทรีตเมนต์ที่ 1 มีปริมาณการเข้าทำลายที่ตรวจพบมากที่สุด คือ มีค่าเฉลี่ย 6.56 กิ่งต้น รองลงมา คือ ทรีตเมนต์ที่ 2 มีค่าเฉลี่ย ร.13 กึ่งค้น ทรีตเมนต์ที่ 3 มีค่าเฉลี่ย 5.06 กึ่ง/ต้น และทรีต เมนต์ที่ 4 ค่าเฉลี่ย 4.38 กึ่ง/ต้น ตามลำดับ 3. การควบคุมราแป้งโดยน้ำหมักชีวภาพจากพืชสมุนไพร ทำการจำแนกเชื้อราซึ่ง ก่อให้เกิดโรคในใบมะขาม 4 สกุลแรกที่ตรวจพบมากตรงกันจากพื้นที่ อำเภอในจังหวัดเพชรบูรณ์ ศึกษาฤทธิ์ค้านเชื้อราจากลูกสมอหมัก ชนิค(สมอไทย,สมอคีงู,สมอพิเภก,สมอเทศ และสมอทะเถ) กับเชื้อราที่คัดแยกได้ 4 สกุลคังกล่าว โดยใช้เทคนิคของ BAM ด้วยวิธี Disc diffision test จากนั้น ทำการทด สอบประสิทธิภาพของน้ำหมักสมอโดยการวิจัยแบบมีส่วนร่วมกับเกษตรกร พบว่า เชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคบนใบมะขามทั้ง 4 ชนิด คือ 1.ราสีค้= Cladosporim sp., 2.ราสีเขียว ขี้ม้ = Aspergillus sp., 3.ราควงสีขาว = Geottichum sp และ4.ราสีส้มขาว= Nodulisporim sp. นอกจากนี้ยัง พบว่า สารสกัดหยาบจากสมอไทยหมัก ที่ความเข้มข้น 20mg๓! ก่อให้เกิดบริเวณใส 21.00 m.m.ในราสีเขียวขี้ม้า , 20.33 m.ซ. ในราควงสีขาว และ 21.83 บ.3. ในราสีส้มขาว สารสกัด หยาบจากสมอดีงูหมักที่ความข้มข้น 20mgm1 เช่นเดียวกัน ก่อให้เกิดบริเวณใส 29.83 m.m. ในราสีด้า, 17.67 m.. ในราสีเขียวขี้ม้า. 19.00 บ.,. ในราควงสีขาว และ 30.00 บ.. ในราสีส้มขาว สำหรับสารสกัดหยาบจากสมอพิเภกหมักที่ความเข้มข้น 20mg/m1l เช่นเดียวกัน ก่อให้เกิดบริเวณใส 30.66 m.m.ในราสีค้า, 32.66 m.m. ในราสีเขียวขี้ม้า,และ27.66 บ.M. ในราสีส้มขาว ไม่พบศึกบา ฤทธิ์ต้านเชื้อราจากสมอเทศหมักและสมอทะเลหมัก หลังจากทดสอบในสวนมะขามด้วยสารละลาย ต้นตอของ สมอไทยหมัก: สมอดีงูหมัก: สมอพิเภกหมัก= 1:1:1 พร้อมทั้งฉีดพ่นด้วยสารละลายต้น ตอ: น้ำ reverse osmosis =1: 20 พบว่า กลุ่มทคลองมีอาการใบร่วง 80-100% ภายใน7-10 วัน และ เกิดการแตกใบใหม่ขึ้นทคแทนอย่างสมบูรณ์ภายใน 2 สัปดาห์ และไม่พบใบดิดเชื้อราอีก ในขณะที่ กลุ่มควบคุม พบอาการใบร่วง 30-50% ภายใน 7-10วัน และเกิดการแตกใบใหม่ขึ้นทดแทนที่เฉพาะใบที่ร่วงภายใน 1 เดือน และยังพบใบติดเชื้อราอยู่มาก และติดเชื้อราลุกลามไปทั่วทุกดัน
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this study, Pest tamarind management according to sufficiency economy by the sweet tamarind community enterprise participation, Phetchabun province, were divided in 3 experiments. 1st experiment, to protect and rid sweet tamarind pod borer method. 2ndexperiment, to protect and rid sweet tamarind twig borer. 3rdexperiment, To control powdery mildew by bio-fermentation herb. The results of 3 experiments were described as following: 1st Experiment, The result showed that the study biology and outbreak season of pod borer is worm of a moth, scientific named Citripestis Sagittiferella. The body is small, light gray but The worm is light pink. Group of cocoons were pupated on tamarind peel covering with worm’s feces. It singularly lays egg. Life cycle is 35 – 46 days. Severe outbreak during long pods to harvesting period (November to January). Srichomphu and Prakaitong tamarind breed were severe destroyed, respectively. The protection and get rid of sweet tamarind pod borer with bio- fermentation plant is the best method in both of Prakaitong and Srichomphu. Pod borer were found 1.25 and 1.5 worms per tree in Prakaitong and Srichomphu, respectively. Srichomphu, The next method for protect and rid pod borer is wood vinegar. Prakaitong, The next method for protect and rid pod borer is spraying cypermetthrin 10% EC and wood vinegar. There is 1.25 and 1.5 worms per tree, respectively. It is not statistically significantly different in these results. 2ndexperiment, to protect and rid sweet tamarind twig borer. Pruning and no pruning methods were compared 4 times at 2, 4, 6 and 8 month. The result showed that pruning method had attacked from borer less than no pruning method. The average attacking are 2.92 and 7.00 branches per tree in pruning and no pruning method, respectively. The Designs of experiment for get rid of twig borer were 4 treatments, Do nothing (Control), bio-fermentation herb spraying, chemical ข spraying and biologics substances spraying in 4 replications (16 experimental units). The results showed that the do nothing method was highest average attacked by twig borer. The bio-fermentation herb spraying method was higher average attacked than chemical spraying method and biologics substances spraying method. There were 6.56, 5.13, 5.06 and 4.38 branches per tree, respectively. 3rdexperiment, To control powdery mildew by bio-fermentation herb. 4 Fungies, cause of tamarind leaves diseases were identified and matched on 5 Amphers in Phetchabun province. The antifungal activity was studied from 5 Terminalia types fermentation, Terminalia chebula, Terminalia citrina, Terminalia bellirica, Terminalia arjuna and Excoecaria indica. with 4 Fungies by BAM Techniques, Disc diffusion test. 5 Terminalia types fermentation were examined efficiency by participation research farmer. The results revealed that all of fungi, Cladosporium sp., Aspergillus sp., Geotrichum sp., and Nodulisporium sp. were destroyed. 20 mg/ml of Terminalia chebula fermentation rough extract concentration was caused 21.00 m.m. sterile area in Aspergillus sp., 20.33 m.m. sterile area in Geotrichum sp and 21.83 m.m. sterile area in Nodulisporium sp. 20 mg/ml of Terminalia citrina fermentation rough extract concentration was caused 29.83 m.m. sterile area in Cladosporium sp., 17.67 m.m. sterile area in Aspergillus sp., 19.00 m.m. sterile area in Geotrichum sp. and 30.00 m.m. sterile area in Nodulisporium sp. 20 mg/ml of Terminalia bellirica fermentation rough extract concentration was caused 30.66 m.m. sterile area in Cladosporium sp., 32.66 m.m. sterile area in Aspergillus sp., and 27.66 m.m. sterile area in Nodulisporium sp. The antifungal activity of Terminalia arjuna and Excoecaria indica fermentation rough extract were not found. After spraying the main solution, Terminalia chebula fermentation rough extract, Terminalia citrina fermentation rough extract and Terminalia bellirica fermentation rough extract in 1:1:1 ratios, mixed with reverse osmosis water in 1:20 ratios. The results showed that the trees were 80–100% falling leaves symptoms in 7–10 days and had completely a new leaves replacement within 2 weeks. A new leaves were not found the fungi infection. While, control group was found 30–50% falling leaves symptoms in 7–10 days and had completely a new leaves replacement within 1 month. A new leaves were found the fungi infection and spread throughout the control group.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://dric.nrct.go.th/Search/SearchDetail/310165
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
คำสำคัญ: ราแป้ง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการศัตรูมะขามหวานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยการมีส่วนร่วมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
30 กันยายน 2557
การบริหารแมลงศัตรูมะขามหวานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านพลำ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ การศึกษาปัจจัยในการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อโครงการจัดการทรัพยากรประมง บริเวณอ่างเก็บน้ำทับทิมสยาม 01 จังหวัดตราด การปรับปรุงเพื่อเพิ่มผลผลิตขนมทองม้วนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปบ้านกุดกุ่ม ตำบลบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ การพัฒนาศักยภาพและการจัดการนวัตกรรมภูมิปัญญาเชิงสร้างสรรค์ โดยการมีส่วนร่วมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง การพัฒนาผลิตภาพมะขามหวานแบบมีส่วนร่วมของเครือข่ายเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ การศึกษาแนวทางการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดการดินเพื่อการฟื้นฟูสวนมะขามหวาน ของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนมะขามหวานในจังหวัดเพชรบูรณ์ การประเมินสภาวะชนบทแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในแม่น้ำบางปะกง และแม่น้ำปราจีนบุรี การพัฒนาแอปพลิเคชันบัญชีบนโทรศัพท์เคลื่อนที่สำหรับวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาระบบบัญชีของวิสาหกิจชุมชนในเขตอำเภอบางเลน ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์น้ำจังหวัดอุทัยธานี กรณีศึกษา กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์น้ำท่าซุงและกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์น้ำสะแกกรัง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก