สืบค้นงานวิจัย
การทดลองเชิงสาธิตและการยอมรับการใช้หญ้าแฝกและแถบพืชอนุุรักษ์ร่วมกับพืชเศรษฐกิจแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมในเขตพัฒนาที่ดินตามโครงการเฉลิมพระเกียรติ
นายประทีป กุลนาวงศ์ - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การทดลองเชิงสาธิตและการยอมรับการใช้หญ้าแฝกและแถบพืชอนุุรักษ์ร่วมกับพืชเศรษฐกิจแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมในเขตพัฒนาที่ดินตามโครงการเฉลิมพระเกียรติ
ชื่อเรื่อง (EN): The demonstration trial and adoption of vetiver grass and plant conservation bar with crop as a farmer participation in soil and water conservation system in land development under the project in commemoration of his majesty the king
บทคัดย่อ: การทดลองเชิงสาธิตและการยอมรับการใช้หญ้าแฝกและแถบพืชอนุรักษ์ร่วมกับพืชเศรษฐกิจแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมในเขตพัฒนาที่ดินตามโครงการเฉลิมพระเกียรติดำเนินการที่ ต.บ่อแก้ว อ.นาหมื่น จ.น่าน กลุ่มชุดดินที่ 62 ดำเนินการทดลองระหว่างปี 2556-2558 วิธีการศึกษาสัมภาษณ์เกษตรกรจำนวน 60 ราย มาวางแผนการทดลองแบบสังเกตการณ์ (Observation trial) 5 วิธีการ ประกอบด้วย 1) ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ 2) คันคูรับน้ำขอบเขา 3) คันคูรับน้ำขอบเขา+ปลูก ถั่วพุ่มดำเหลื่อมฤดู 4) คันคูรับน้ำขอบเขา+ปลูกหญ้าแฝกบนคันดิน และ 5) คันคูรับน้ำขอบเขา+ปลูกหญ้าแฝกบนคันดิน พื้นที่แปลงทดลองเชิงสาธิตมีความลาดชัน 35-40 เปอร์เซ็นต์ วัตถุประสงค์เพื่อประเมินการสูญเสียดินวิธีการที่เกษตรกรมีความสนใจ และศึกษาการยอมรับของเกษตรกรต่อการใช้หญ้าแฝกในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมในเขตพัฒนาที่ดินทั้งลุ่มน้ำกึ๋น อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ผลการทดลองพบว่าหลังสิ้นสุดการทดลองปีที่ 3 วิธีการที่มีคันคูรับน้ำขอบเขาร่วมกับหญ้าแฝก วิธีการที่มีคันคูรับน้ำขอบเขาร่วมกับหญ้าแฝกและถั่วพุ่มดำ ทำให้สมบัติทางกายภาพดินดีขึ้น โดยความหนาแน่นรวมดินเฉลี่ยทุกระดับความลึกลดลงจาก 1.30 เป็น 1.22 จาก 1.35 เป็น 1.20 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ส่วนวิธีการที่ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ มีแนวโน้มความหนาแน่นรวมของดินเพิ่มขึ้น ด้านความชื้นในดิน พิจารณาการทดลองทั้ง 3 ปี พบว่าความชื้นในดินทั้ง 3 ระดับ 0-15 15-30 และ30-50 เซนติเมตร มีค่าอยู่ในช่วง 14.72-16.89 เปอร์เซ็นต์ โดยวิธีการที่ปลูกหญ้าแฝกเป็นแถบอนุรักษ์ดิน และปลูกถั่วพุ่มดำคลุมดิน มีปริมาณความชื้นต่ำที่สุด 14.72 เปอร์เซ็นต์ ด้านสมบัติทางเคมีของดิน ค่าความเป็นกรดเป็นด่างทุกวิธีการเพิ่มสูงขึ้น จาก 4.81-5.23 เป็น 5.11-5.54 ปริมาณอินทรียวัตถุในดินเฉลี่ยทุกระดับความลึก ทุกวิธีการเพิ่มสูงขึ้นจาก 2.13-2.57 เป็น 2.81-3.03 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินเฉลี่ยทุกระดับความลึก และทุกวิธีการเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนการทดลอง จาก 1.0-4.0 เป็น 3.32-6.04 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ในดิน มีค่าลดลงจาก 45.0-379.0 เป็น 47.22-67.89 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ด้านปริมาณการสูญเสียดินเฉลี่ย 3 ปี วิธีการปลูกหญ้าแฝกร่วมกับคันคูรับน้ำขอบเขาเป็นแถบพืชอนุรักษ์ดิน มีปริมาณการสูญเสียดินได้ต่ำที่สุด 456.02 กิโลกรัมต่อไร่ และวิธีการไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ มีปริมาณการสูญเสียดินสูงที่สุด 680.11 กิโลกรัมต่อไร่ ด้านผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉลี่ย 3 ปี วิธีการมีคันคูรับน้ำขอบเขาร่วมกับปลูกหญ้าแฝกและปลูก ถั่วพุ่มดำเหลื่อมฤดู มีแนวโน้มให้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงสุด 811.56 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนวิธีการมีคันคูรับน้ำขอบเขาร่วมกับปลูกหญ้าแฝกบนคันดิน ให้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต่ำสุด 765.22 กิโลกรัมต่อไร่ ทางด้านผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ เมื่อพิจารณาจากค่าใช้จ่ายต้นทุนผันแปร และผลตอบแทน ทางเศรษฐกิจที่ได้รับเฉลี่ยระหว่างปี 2554–2556 เมื่อคำนวณค่าปุ๋ยเคมีที่สูญเสียไปกับตะกอนดิน และต้องซื้อปุ๋ยเคมีทดแทน ในปีต่อไป พบว่าวิธีการที่มีคันคูรับน้ำขอบเขาร่วมกับปลูกหญ้าแฝกบนคันดิน ให้กำไรสุทธิสูงสุด 1,976.55 บาทต่อไร่ ให้กำไรสุทธิสูงกว่าวิธีไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่ได้กำไรสุทธิ 1,539.65 บาทต่อไร่ ด้านการยอมรับของเกษตรกร เกษตรกรยอมรับวิธีการที่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำร่วมกับปลูกหญ้าแฝกและปลูกถั่วพุ่มดำเหลื่อมฤดูข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ในระดับมาก (=2.42X)
บทคัดย่อ (EN): The demonstration experiment, the acceptance of using vetiver grass, conservation plant barrier and cash crops based on farmers’ participation in appropriate soil and water conservation systems were proceeded at Regional Land Development of Chalerm Phra Kiat Project where the soil series was identified as soil series 62 in Tambon Bokaew, Amphoe Namuean Nan Province during 2013-2015. The study was conducted by interviewing 60 farmers and evaluated difference significantly by observation trial design. Treatments were including 1) non- soil and water conservation systems 2) hill side ditch 3) hill side ditch + Vigna sp. plantation overlapped the season 4) hill side ditch + vetiver grass on the ridge and 5) hill side ditch + vetiver grass on the ridge + Vigna sp. plantation overlapped the season The field for The demonstration experiment contain 35-40% slope. The objectives of this study were to evaluate soil loss as the result of using soil and water conservation system by interested farmers’ method and to study the acceptance of farmers to using vetiver grass for soil and water conservation system in Regional Land Development at all Kean river, Amphoe Namuean Nan Province. The results showed after the 3rd experiment, using hill side ditch + vetiver grass and Terracing+ vetiver grass+ Vigna sp. plantation enchanced better soil physical property. The averages of total density at all depth levels were decreased from 1.30 to 1.22 and from 1.35 to 1.20 g.cubic centimeter-1. While total soil density tended to increase in non- soil and water conservation systems. Each year soil moisture was measured within 3 years. Soil moisture at all of 3 soil depth levels (0-15, 15-30 and 30-50 cm) were during 14.72-16.89%. Using vetiver grass as conservation plant barrier and Vigna sp. plantation covering soil performed the lowest soil moisture as 14.72%. For soil chemical property, soil pH, Soil organic matter and P tended to increase in all conservation methods from 4.81-5.23 to 5.11-5.54, from 2.13-2.57 to 2.81-3.03% and from 1.0-4.0 to 3.32-6.04 mg.kg-1, respectively. However, soil available K was decreased from 45.0-379.0 to 47.22-67.89 mg.kg-1 Average soil loss in 3 year was lowest as 456.02 kg.rai-1 in vetiver grass as conservation plant barrier with terracing and highest as 680.11 kg.rai-1 in non- soil and water conservation systems. Avarage maize yield in 3 years tened to be highest as 811.56 kg.rai-1 by using terracing+ Vigna sp. plantation overlapped the season while be lowest as 765.22 kg.rai-1 by using hill side ditch + vetiver grass. According to expense of variable cost and economic return during 2554-2556 associated with chemical fertilizer cost which lost together with soil sediment and chemical fertilizer cost for reserving from losing in next year, using terracing+ vetiver grass on the ridge gained the highest profit as 1,976.55 baht/rai while non- soil and water conservation systems gained the profit as 1,976.55 baht/rai. The most farmers accepted using soil and water conservation systems with vetiver grass and Vigna sp. plantation overlapped the season in high level ( =2.42).
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: การยอมรับ
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

นายประทีป กุลนาวงศ์. "การทดลองเชิงสาธิตและการยอมรับการใช้หญ้าแฝกและแถบพืชอนุุรักษ์ร่วมกับพืชเศรษฐกิจแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมในเขตพัฒนาที่ดินตามโครงการเฉลิมพระเกียรติThe demonstration trial and adoption of vetiver grass and plant conservation bar with crop as a farmer participation in soil and water conservation system in land development under the project in commemoration of his majesty the king". กรมพัฒนาที่ดิน. 2558

นายประทีป กุลนาวงศ์. "การทดลองเชิงสาธิตและการยอมรับการใช้หญ้าแฝกและแถบพืชอนุุรักษ์ร่วมกับพืชเศรษฐกิจแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมในเขตพัฒนาที่ดินตามโครงการเฉลิมพระเกียรติThe demonstration trial and adoption of vetiver grass and plant conservation bar with crop as a farmer participation in soil and water conservation system in land development under the project in commemoration of his majesty the king". กรมพัฒนาที่ดิน. 2558. Print.



TARR Wordcloud:
การทดลองเชิงสาธิตและการยอมรับการใช้หญ้าแฝกและแถบพืชอนุุรักษ์ร่วมกับพืชเศรษฐกิจแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมในเขตพัฒนาที่ดินตามโครงการเฉลิมพระเกียรติ
นายประทีป กุลนาวงศ์
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2558
การยอมรับของเกษตรกรต่อระบบอนุรักษ์ดินและน้ำกับหญ้าแฝกแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในเขตพัฒนาที่ดินแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ ศึกษาผลการใช้ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำกับหญ้าแฝกแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในเขตพัฒนาที่ดินแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ ประสิทธิภาพและการยอมรับของเกษตรกรต่อระบบอนุรักษ์ดินและน้ำกับหญ้าแฝกแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในเขตพัฒนาที่ดินแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ การใช้เชื้อ Ectomycorrhiza ในการเพิ่มผลผลิตพืชเศรษฐกิจเขตภาคอีสานตอนบนของประเทศไทย การจัดการดินแบบเกษตรกรมีส่วนร่วม เพื่อการผลิตพืชเศรษฐกิจในพื้นที่เขตพัฒนาที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ การยอมรับและแพร่กระจายเทคโนโลยีของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพเกษตรกรในพื้นที่ปรับปรุงระบบชลประทานขนาดใหญ่ การยอมรับโครงการป้องกันการแพร่กระจายดินเค็มของเกษตรกร ผลของระบบอนุรักษ์ดินและน้ำต่อพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนดินตื้นที่มีความลาดชันในเขตพัฒนาที่ดิน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี การยอมรับของเกษตรกรตามโครงการมหาวิทยาลัยไทบ้าน จังหวัดยโสธร การสำรวจและศึกษารูปแบบและพันธุ์หญ้าแฝกที่ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดินเค็มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair