สืบค้นงานวิจัย
รูปแบบการอนุบาลลูกปูม้าวัยอ่อนเพื่อลดการตายหมู่
ชงโค แซ่ตั้ง - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
ชื่อเรื่อง: รูปแบบการอนุบาลลูกปูม้าวัยอ่อนเพื่อลดการตายหมู่
ชื่อเรื่อง (EN): Blue Swimming Crab Larval Nursing Methods for Decreasing Mass Mortality
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ชงโค แซ่ตั้ง
บทคัดย่อ: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหารูปแบบการอนุบาลลูกปูม้าวัยอ่อนตั้งแต่ระยะซู เอียหนึ่ง (zoea I) จนเข้าสู่ระยะลูกปู (irst crab) เพื่อลดอัตราการตายหมู่ โดยหาสัดส่วนที่ เหมาะสมของความหนาแน่นของโรติเฟอร์ที่ใช้อนุบาลลูกปู การใช้อาร์ที่เมียเสริมกรดไขมันไม่ อิ่มตัว โดยใช้สัดส่วนของ cicosapentacnoic acid (EPA) ต่อ docosahexacnoic acid (DHA) ต่าง ๆ กัน ตั้งแต่ ไม่มีการเสริมกรดไขมัน เสริม EPA อย่างเดียว เสริม DHA อย่างเดียว เสริม EPA : DHA ในอัตรา 1:1 2:1 และ 3:1 การอนุบาลลูกปูม้าในภาชนะที่มีปริมาตรน้ำต่างกัน 3 ระดับ คือ 1 10 และ 50 ลิตร รวมทั้งการอนุบาลลูกปูม้าที่ระดับความหนาแน่นของตัวอ่อน 3 ระดับ คือ 50 100 และ 150 ตัวต่อลิตร ผลการทดลองพบว่าการกำหนดรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการอนุบาลลูกปูม้าวัย อ่อน ควรใช้ปริมาตรน้ำในการอนุบาล ตั้งแต่ 10-50 ลิตรขึ้นไป โดยอนุบาลลูกปูที่ความหนาแน่น 50-100 ตัวต่อปริมาตรน้ำที่ใช้อนุบาล 1 ลิตร ให้โรติเฟอร์ที่มีความหนาแน่น 5-20 ตัวต่อมิลลิลิตร เป็นอาหารระยะแรก เมื่อตัวอ่อนเข้าสู่ระยะ zoea III ควรให้อาร์ทีเมียเสริมกรดไขมันที่มีสัดส่วน ของ EPA : DHA ในอัตราส่วน 1: 1 ถึง 2: 1
บทคัดย่อ (EN): This research was conducted to investigate the ways of rearing blue swimming crab (Portumus pelagicus) larvae from zoea I until first crab stage to reduce the mass mortality. Three experiments were carried out. First experiment was studied on the optimum density of the rotifer for rearing crab larvae. Second experiment was studied on the effect of enriched Artemia with unsaturated fatty acid; eicosapentaenoic acid (EPA) and docosahexaenoic acid (DHA) at different proportions on survival rate of larvae. Third experiment was studied on the effects of water volume at three different levels as 1, 10 and 50 liters while rearing at different densities as 50, 100 and 150 larvae per liter. Finally, all data was summarized to set a pattern for rearing blue swimming crab larvae. The results showed the suitable model for the rearing of larval crabs was the volume of water should be 10-50 liters or over while the larval density was 50-100 larvae per liter. Zoea was fed with rotifers at densities of 5-20 individuals per ml. after that fed with enriched Artemia with EPA: DHA at the ratio of 1: 1 to 2: 1.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
คำสำคัญ: อาร์ทีเมียเสริมกรดไขมันไม่อิ่มตัว
คำสำคัญ (EN): Mortality
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
รูปแบบการอนุบาลลูกปูม้าวัยอ่อนเพื่อลดการตายหมู่
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
30 กันยายน 2555
ผลของการเสริม Schizochytrium limacinum (D. Honda & Yokochi, 1998) และน้ำมันปลาในอาหาร ต่อพัฒนาการ อัตราการรอดตาย และความทนทานต่อความเครียดของลูกปูม้า (Portunus pelagicus Linnaeus, 1758) และลูกปูทะเล ( ผลของไดอะตอม Thalassiosira spp. ต่ออัตรารอดตาย และพัฒนาการของลูกปูม้า (Portunus pelagicus) วัยอ่อนระยะซูเอี้ย 1 ถึง 4 ผลของแหล่งโปรตีนที่แตกต่างกันต่อการเจริญเติบโตและการรอดตายในการอนุบาลลูกปูนา การอนุบาลลูกปลาตะพัดด้วยอาหารสำเร็จรูป (เปลี่ยนแปลงชื่อเป็น ระยะเวลาที่เหมาะสมในการอนุบาลลูกปลาตะพัดด้วยอาหารสำเร็จรูป) การอนุบาลลูกปลากะพงดำ (Lobotes surinamensis Bloch,1790) การเสริมแร่ธาตุให้ลูกกุ้งก้ามกรามในการอนุบาลในน้ำเค็มที่มีระบบหมุนเวียนแบบปิด การอนุบาลลูกปลาหนวดพราหมณ์ (หนวด 7 เส้น) ด้วยความหนาแน่นแตกต่างกันในระบบน้ำหมุนเวียน ผลของการเสริม Schizochytrium limacinum [D. Honda & Yokochi, 1998] ในอาหารต่อพัฒนาการ อัตราการรอดตาย และความทนทาน ต่อความเครียดของลูกปูทะเล [Scylla paramamosian Estampador, 1949] ลักษณะความแตกต่างและความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระหว่างชนิดโดยเครื่องหมายพันธุกรรมอัลโลไซม์ในปูทะเลและปูม้าของไทย การอนุบาลปลาม้าในบ่อซีเมนต์ระบบน้ำหมุนเวียนด้วยความหนาแน่นต่างกัน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก