สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของตำรับยาตรีผลากับSimvastatin ในการลดระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง (การวิจัยในคลินิกระยะที่ 2)
พีระพงค์ กิติภาวงค์ - กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ชื่อเรื่อง: การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของตำรับยาตรีผลากับSimvastatin ในการลดระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง (การวิจัยในคลินิกระยะที่ 2)
ชื่อเรื่อง (EN): A Study Comparing the Efficacy and Safety of Triphala and Simvastatin To reduce blood lipid levels in patients with hyperlipidemia. (Phase 2 Clinical Research)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พีระพงค์ กิติภาวงค์
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
ชุดเอกสาร: การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของตำรับยาตรีผลากับSimvastatin ในการลดระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง (การวิจัยในคลินิกระยะที่ 2)
บทคัดย่อ: ยาตรีผลาเป็นยาแผนไทย ประกอบด้วยเนื้อลูกสมอไทย เนื้อลูกสมอพิเภก เนื้อลูกมะขามป้อม (อัตราส่วนเท่ากัน) ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ใช้บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ส่วนในคัมภีร์วรโยคสารใช้เป็นยาสำหรับลดความอ้วน มีการศึกษาฤทธิ์เภสัชวิทยาทั้งทางห้องปฏิบัติการและในสัตว์ทดลอง พบว่ามีฤทธิ์ลดไขมันในเลือดไม่ก่อให้เกิดพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรัง งานวิจัยทางคลินิกระยะที่ 1 กับอาสาสมัครสุขภาพดี พบว่าตรีผลาสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ส่วนการวิจัยทางคลินิกศึกษาประสิทธิผลของต ารับตรีผลาในการลดระดับไขมันในเลือดเปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก พบว่ากลุ่มที่รับประทานตรีผลาสามารถลดระดับคอเลสเทอรอลรวม (Total cholesterol) และไทรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ได้โดยไม่พบการแพ้ยาถึงแม้ผลการทดลองจะสามารถลดระดับไขมันในเลือดได้ แต่ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง คือ 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาที่น้อยเกินไปในการรักษาไขมันในเลือดสูง ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาประสิทธิผลและผลข้างเคียงของตำรับยาตรีผลาในการลดระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยไขมันในเลือดสูงกลุ่มเล็ก (การวิจัยทางคลินิกระยะที่2) โดยเปรียบเทียบกับยาซิมวาสแตตินในระยะเวลา 3 เดือน วิธีดำเนินการวิจัย เริ่มจากการเตรียมผงยาและการสกัดยาตรีผลาเป็นการศึกษาเพื่อยืนยันว่ายาตรีผลา ที่ใช้ตลอดระยะเวลาโครงการวิจัยจะมีประสิทธิภาพเท่าเดิม สะอาด มีมาตรฐานเป็นไปตามเกณฑ์ในการควบคุมคุณภาพสมุนไพรเริ่มจากการศึกษาหาระยะเวลาที่ดีที่สุดของ ยาตรีผลา เพื่อน ามาใช้ในการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพ แบ่งการสกัดออกเป็น 2 แบบ คือ การแช่สกัดด้วย 95% เอทานอล ในระยะเวลาที่ต่างกัน คือ 1,3, 5, 7, 9 หรือ 11 วัน และการต้มน้ าสกัด ที่ระยะเวลา 15, 30, 45 หรือ 60 นาที จากนั้นน าสารสกัดทั้งหมดไปทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและหาปริมาณสารประกอบฟีนอลรวม ผลการวิจัยพบว่า การแช่สกัดผงยาตรีผลาด้วย 95% เอทานอล นาน 3 วัน เป็นเวลาที่เหมาะสม, ไม่นานเกินไป และเป็นวิธีการสกัดที่สะดวกและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่าการสกัดด้วยน้ า นอกจากนี้ยังมีการควบคุมคุณภาพผงยา ได้แก่ ความชื้น, การปนเปื้อนเชื้อจุลชีพ (แบคทีเรียและรา), การปนเปื้อนโลหะหนัก (สารหนู, ตะกั่ว, แคดเมียม), ปริมาณเถ้ารวม และปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรดรวมไปถึงการเก็บรักษาในสภาวะเร่ง (อุณหภูมิ40 ± 2 องศาเซลเซียส, ความชื้นสัมพัทธ์ร้อยละ 75 ± 5 เป็นเวลา 6 เดือน) แล้วท าการเก็บในวันที่ 0, 15, 30, 60, 90, 120, 150 หรือ 180 วัน เพื่อประเมินความคงตัวในการเก็บยาในอุณหภูมิห้อง แล้วน าไปสกัดเพื่อทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและหาปริมาณสารประกอบฟีนอลรวม พบว่า ผงยาตรีผลาผ่านทุกการทดสอบและมีความคงตัว 2 ปี ที่สภาวะอุณหภูมิห้องโดยฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและปริมาณสารประกอบฟีนอลรวมไม่เปลี่ยนแปลง การควบคุมคุณภาพแคปซูลยา (ตรีผลา, ยาหลอก) โดยทดสอบความผันแปรของน้ าหนัก, การแตก กระจายตัว และการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพ (แบคทีเรียและรา) ผลการวิจัยพบว่าการควบคุมคุณภาพแคปซูลยาทั้งสองชนิดผ่านเกณฑ์ทั้งหมดการศึกษาประสิทธิผลและผลข้างเคียงของตำรับยาตรีผลากับยาซิมวาสแตติน ในการลดระดับไขมันในเลือดสูง เป็นการวิจัยทางคลินิกเชิงทดลอง (Experimental research) โดยมีรูปแบบเป็นการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยปกปิดทั้งสองฝ่าย (Double blind randomize controlled trial) เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) คือ ผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี และ ชุมชนในจังหวัดปทุมธานี แบ่งอาสาสมัครเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับยาตรีผลาจ านวน 32 คน และกลุ่มที่ได้รับยาซิมวาสแตติน จ านวน 31 คน โดยแบ่งกลุ่มอาสาสมัครให้รับยาตามการสุ่มแบบเป็นชั้นและแบบกลุ่มย่อย (Stratified block randomization) ผลการวิจัยพบว่า อาสาสมัครส่วนใหญ่ประกอบอาชีพพ่อบ้านหรือแม่บ้าน ไม่มีโรคประจ าตัวอื่น รวมถึงโรคของบุคคลในครอบครัวด้วย มีประวัติดื่มแอลกอฮอล์เป็นบางครั้ง ส่วนน้อยที่สูบบุหรี่ แต่มีอาสาสมัครเกือบครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 49.21) ออกก าลังกายเป็นประจ าด้วยการเดิน โดยใช้เวลามากกว่าหรือเท่ากับ 30 นาที ส่วนพฤติกรรม การบริโภคอาหาร พบว่าส่วนใหญ่ไม่รับประทานอาหารประเภทไขมันสูงเมื่อติดตามผลการรักษาด้วยยาตรีผลาขนาด 1,000 มิลลิกรัมรับประทานก่อนอาหารเช้าและเย็นและยาซิมวาสแตตินขนาด 10 มิลลิกรัมต่อวันติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ติดตามผลการรักษาทุกเดือนโดยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ซักถามอาการข้างเคียง ท าแบบประเมินคุณภาพชีวิต เจาะเลือด และเก็บปัสสาวะทุกครั้ง นอกจากนี้ยังประเมินผลการรักษาและ ความปลอดภัยจากผลทางห้องปฏิบัติการทุกครั้ง พบว่า กลุ่มที่รับประทานยาตรีผลาระดับ คอเลสเทอรอลรวม, แอลดีแอลคอเลสเทอรอล (LDL-cholesterol) และไทรกลีเซอไรด์ ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ (p>0.05) กับวันก่อนเริ่มรับประทานยา แตกต่างจากกลุ่มที่รับประทานยา ซิมวาสแตตินที่สามารถลดระดับไขมันในเลือดโดยในเดือนที่ 3 ได้อย่างมีนัยส าคัญ (p<0.05) เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเริ่มรับประทานยา (D0) ส่วนค่าเอชดีแอลคอเลสเทอรอล (HDL-cholesterol) กลุ่มที่ได้รับยาตรีผลามีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ (p<0.05) ในเดือนที่ 2 และ 3 เมื่อเปรียบเทียบกับวันก่อนเริ่มรับประทานยา ใกล้เคียงกับยาซิมวาสแตตินที่มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ (p<0.05) ในเดือนที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับวันก่อนเริ่มรับประทานยา ส่วนเรื่องความปลอดภัยของยาทั้ง 2 กลุ่มเมื่อรับประทานต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่ามีความปลอดภัย ไม่แสดงพิษต่อตับ ไต หรือความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด แต่อาจพบอาการไม่พึงประสงค์ได้ โดยกลุ่มที่รับประทานยาตรีผลา มีอาการปัสสาวะบ่อย ผื่น คันตามร่างกาย แต่อยู่ในระดับไม่รุนแรง สามารถหายได้เองเมื่อหยุดยา และมีระดับคุณภาพชีวิตโดยรวมอยู่ในระดับดีซึ่งแตกต่างจากก่อนเริ่มรับประทานยาที่มีคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับกลาง ส่วนอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดในกลุ่มที่รับประทานยาซิมวาสแตติน คือ มีผื่นหรือคันตามร่างกาย, วิงเวียนศีรษะ, ริมฝีปากบวม, หายใจติดขัดและปัสสาวะบ่อย แต่อาสาสมัครสามารถทนและปรับตัวได้ ไม่เป็นปัญหาที่ท าให้ต้องหยุดยา และมีระดับคุณภาพชีวิตโดยรวมอยู่ในระดับกลาง ไม่แตกต่างจากก่อนเริ่มรับประทานยา ข้อเสนอแนะหากมีการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยควรมีการศึกษาการใช้ตรีผลาในรูปแบบสารสกัด เพื่อให้ ง่ายต่อการควบคุมคุณภาพยา ใช้ขนาดยาที่น้อยลง และมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่ดีกว่ารวมถึงควรมีการติดตามผลภายหลังหยุดยา เพื่อให้งานวิจัยครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น
บทคัดย่อ (EN): Triphala is a traditional Thai medicine. Consists of Thai anchor meat Acorn meat tamarind pulp (equal ratio) in the National Drug List Used to relieve cough, drive phlegm. In the scriptures Worayoksarn is used as a drug for weight loss. The pharmacological activity of both laboratory and animal studies was conducted. It was found that it had the effect of lowering lipids in the blood, not causing acute and chronic toxicity. Phase 1 clinical trial with healthy volunteers. Found that Triphala can stimulate the immune system. The clinical research section studied the effectiveness of The Triphala was shown to reduce blood lipid levels compared to the placebo group. It was found that the group that took triphala was able to reduce total cholesterol and triglyceride levels. (Triglyceride) without drug allergy was found, although the results of the experiment can reduce the level of lipids in the blood. But the duration of the trial was 4 weeks, which was too little time to treat hypercholesterolemia. The researcher was interested in studying the efficacy and side effects of Triphala in reducing blood lipids in a small group of hypercholesterolemic patients. (Phase II clinical trial) in comparison with simvastatin over 3 months. Starting from the preparation of medicinal powder and extracting Triphala pills is a study to confirm that Triphala pills The results used throughout the research project will have the same efficiency, cleanliness, and meet the standards for quality control of herbs. Starting from the study to determine the best time of Triphala to be used for bioavailability testing. The extraction was divided into 2 types, i.e., the extraction was soaked with 95% ethanol at different times of 1,3, 5, 7, 9 or 11 days and the extraction was boiled at 15, 30, 45 or 60 minutes, then all extracts were tested for antioxidant activity and total phenolic compounds were determined. The results showed that Soaking Triphala powder with 95% ethanol for 3 days is a suitable time, not too long, and is a more convenient extraction method and has better antioxidant activity than water extraction. Quality control of pharmaceutical powders, including moisture, microbial contamination (bacteria and mold), heavy metal contamination (arsenic, lead, cadmium), total ash content and insoluble ash content including accelerated storage (temperature 40 ± 2 °C, relative humidity 75% ± 5 for 6 months) and stored on days 0, 15, 30, 60, 90, 120, 150 or 180 days to assess the stability of drug storage at room temperature, then extract to test the antioxidant activity and to determine the total phenolic compounds. It was found that Triphala powder passed all tests. and was stable for 2 years at room temperature without change in antioxidant activity and total phenolic compound content. Quality control of capsules (triphala, placebo) was tested for variation in weight, breakage, dispersion and microbial contamination. The results showed that quality control of both capsules passed all criteria.Efficacy and side effects of Triphala and Simvastatin were tested. in reducing high blood fat levels It is an experimental clinical research. Experimental research with double blind randomized controlled trial, purposive sampling, i.e. patients with high blood lipid levels. who received services at Thammasat University Hospital Pathum Thani Province and communities in Pathum Thani Province The volunteers were divided into 2 groups, 32 receiving Triphala and 31 receiving simvastatin. The volunteers were randomly assigned to receive the drug. It was stratified block randomization. Most of the volunteers worked as butlers or housewives and did not have other congenital diseases, including those of family members. have a history of drinking alcohol at times few who smoke However, almost half of the volunteers (49.21%) exercised regularly by walking for more than or equal to 30 minutes. Most did not eat a high-fat diet at three consecutive months of follow-up treatment with 1000 mg of triphala oral before breakfast and dinner and simvastatin at 10 mg daily for 3 months. Monthly treatment includes history taking, physical examination, asking about side effects, taking quality of life assessment, taking blood and collecting urine every time. It also evaluates the treatment effect and The safety of all laboratory results found that the group taking triphala levels total cholesterol, LDL cholesterol (LDL-cholesterol) and triglycerides There was no statistical difference (p>0.05) with the day before the start of the drug regimen. different from the drug group Simvastatin showed a significant reduction in serum lipid levels at month 3 (p<0.05) compared to before treatment (D0). Lesterol The mean increase in HDL-cholesterol in the Triphala group was significantly higher (p<0.05) at Months 2 and 3 compared to the day before starting the drug. Similar to that of simvastatin, there was a significant mean increase (p<0.05) at Month 2 compared to the day before starting the drug. As for the safety of both groups of drugs, when taken continuously for a period of 3 months, they were found to be safe. No hepatotoxicity, kidney or hematopoietic effects were shown. but may experience undesirable symptoms by the group taking Triphala Frequent urination, rash, itching all over the body but at a mild level can go away on its own when the drug is stopped and the overall quality of life was at a good level, which was different from before starting the drug with a middle quality of life. The adverse reactions that occurred in the simvastatin group were rash or itching on the body, dizziness,
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://ttdkl.dtam.moph.go.th/Module7/frmc_home_research_show.aspx?r_id=NDQx
เผยแพร่โดย: กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
คำสำคัญ: ไขมันในเลือดสูง
คำสำคัญ (EN): Study
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของตำรับยาตรีผลากับSimvastatin ในการลดระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง (การวิจัยในคลินิกระยะที่ 2)
กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ไม่ระบุวันที่เผยแพร่
ความปลอดภัยของอาหาร...หน้าที่ของเราทุกคน ใครว่าผักไทยไม่ปลอดภัย การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมการข้าวกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระยะที่ 2 การพัฒนาโครงร่างการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน : เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการ ผลของระดับไขมันในอาหารต่อการเจริญเติบโต การใช้ประโยชน์จากอาหารและองค์ประกอบทางเคมีของปลาโมง การศึกษาความปลอดภัยของสารสกัดตรีผลาชั้นน้ำในอาสาสมัคปกติ (การวิจัยคลินิกระยะที่ 1 และ เปรียบเทียบผลและผลข้างเคียงของสารสกัดตรีผลาชั้นน้ำกับSimvastatin ในการลดระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดส โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาโรคใบขาวของอ้อย การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเชียงดา (Gymnema inodorum (Lour.) Decne.)เพื่อลดไขมันในเลือด ผลของน้ำมันปลาจากปลาป่นนอร์เวย์ต่อระดับไขมันในเลือดหนูทดลอง วิจัยและพัฒนาเครื่องสาวไหมเด่นชัย 2
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก