สืบค้นงานวิจัย
พลาสมิดโพรไฟล์ของไรโซเบียมในถั่วเขียว Vigna radiata (L.) Wilczek จากพื้นที่โครงการสร้างป่าและป่าพันธุกรรมพืช จังหวัดนครราชสีมา
รัตนวดี หอมจันทร์ - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ชื่อเรื่อง: พลาสมิดโพรไฟล์ของไรโซเบียมในถั่วเขียว Vigna radiata (L.) Wilczek จากพื้นที่โครงการสร้างป่าและป่าพันธุกรรมพืช จังหวัดนครราชสีมา
ชื่อเรื่อง (EN): Plasmid profiles of Rhizobium sp. in mungbean Vigna radiata (L.) Wilczek at forest-reviving and plant germplasm forest project,
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รัตนวดี หอมจันทร์
บทคัดย่อ: การศึกษาประชากร Rhizobium sp. (cowpea) ในดินของพื้นที่โครงการสร้างป่าตามแนวพระราชดำริและป่าพันธุกรรมพืช จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ป่าทุ่งหญ้าอำเภอครบุรี และพื้นที่ป่าเต็งรังผสมเบญจพรรณ (NT1R2) ตำบลหนองระเวียง ดำเนินการเก็บตัวอย่างดินทั้งสิ้น 4 ครั้ง ระหว่างเดือนมิถุนายน 2541 ถึงเดือนมีนาคม 2542 ผลการศึกษาพบว่าค่าเฉลี่ยประชากรไรโซเบียมในดินมีความแตกต่างกันทางสถิติ ในแต่ละพื้นที่ โดยค่าเฉลี่ยพบมากในสองแปลงที่มีการปลูกกล้าไม้ (GLDP และ GLP) การศึกษานี้ไม่พบความสัมพันธ์ของค่าเฉลี่ยประชากรไรโซเบียมกับคุณสมบัติทางกายภาพดินที่ศึกษา การจัดจำแนกความแตกต่าง และศึกษาความสัมพันธ์ของไรโซเบียมกลุ่มเจริญเร็ว 32 ไอโซเลท ที่แยกจากปมถั่วเขียว 2 สายพันธุ์ จากดินในพื้นที่ป่าทุ่งหญ้าที่มีการปลูกกล้าไม้ร่วมกับขุดคันดินกั้นน้ำ (GLDP) และพื้นที่ป่าเบญจพรรณ (NT1R2) โดยใช้คุณสมบัติการต้านสารปฏิชีวนะและพลาสมิดโพรไฟล์ของเชื้อสามารถจำแนกความต่างได้เป็น 11 และ 9 กลุ่มที่มีขนาดพลาสมิดอยู่ในช่วง 164-600 Mdal และเกือบร้อยละ 70 ของไอโซเลททั้งหมดมีกลุ่มของการจัดจำแนกที่เหมือนกันโดยพลาสมิดโพรไฟล์และคุณสมบัติการต้านสารปฏิชีวนะ แต่ไม่พบลักษณะเด่นของการจัดจำแนกตามแบบแผนพลาสมิดที่สัมพันธ์กับสายพันธุ์พืชและแหล่งที่มาของเชื้อสำหรับผลการจัดจำแนกตามคุณสมบัติทางจีโนไทป์ด้วยเทคนิค RAPD ร่วมกับ 5 ไพรเมอร์ ให้ผลผลิตดีเอ็นเอที่หลากหลายมีขนาดอยู่ในช่วง 0.29-3.0 กิโลเบส สามารถจำแนกประชากรไรโซเบียมออกเป็น 5 กลุ่ม โดยชนิดดินที่ต่างกันเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดความผันแปรทางพันธุกรรมได้มากกว่าสายพันธุ์พืช ซึ่งการจัดจำแนกด้วยเทคนิคพลาสมิดโพรไฟล์ พบว่ามีความสอดคล้องกับเทคนิค RAPD แต่ในบางกรณีให้ผลการจัดจำแนกในระดับที่สูงมากเกินไป ซึ่งเป็นข้อเสียของเทคนิคนี้หากนำมาใช้จัดจำแนกเพียงลำพังเทคนิคเดียว อย่างไรก็ตามพลาสมิดโพรไฟล์ร่วมกับเทคนิค RAPD นี้ นอกจากสามารถแยกความแตกต่างของเชื้อที่มีจีโนไทป์ใกล้ชิดกันมากออกจากกันได้แล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายที่เกิดภายในพลาสมิดโพรไฟล์กลุ่มเดียวกันอีกด้วย โดยข้อมูลจาก 2 เทคนิค นำมายืนยันความสัมพันธ์ได้ร่วมกับคุณสมบัติต้านสารปฏิชีวนะ แสดงให้เห็นรายละเอียดของความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการภายในประชากร และประสิทธิภาพการจัดจำแนกที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ผลการทดสอบประสิทธิภาพการตรึงไนโตรเจน พบว่าแอคทิวิตี้ของเอนไซม์ไนโตรจีเนสของเชื้อทั้ง 32 ไอโซเลท ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และพบว่าไอโซเลทส่วนใหญ่ให้น้ำหนักของต้นแห้งที่สัมพันธ์ กับค่า ARA (Acetylene Reduction Assay) และน้ำหนักปมแห้ง ลักษณะการเกิดปมที่พบ คือ เกิดปมการกระจายตามรากแก้ว ลักษณะที่ 2 และ 3 เกิดปมการกระจายตามรากแขนง และรากแขนงกับรากแก้ว
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://thailis-db.car.chula.ac.th/CU_DC/july2004/Thesis/Rattanavadee.pdf
เผยแพร่โดย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำสำคัญ: พันธุศาสตร์
เจ้าของลิขสิทธิ์: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียด: การศึกษาประชากร Rhizobium sp. (cowpea) ในดินของพื้นที่โครงการสร้างป่าตามแนวพระราชดำริและป่าพันธุกรรมพืช จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ป่าทุ่งหญ้าอำเภอครบุรี และพื้นที่ป่าเต็งรังผสมเบญจพรรณ (NT1R2) ตำบลหนองระเวียง ดำเนินการเก็บตัวอย่างดินทั้งสิ้น 4 ครั้ง ระหว่างเดือนมิถุนายน 2541 ถึงเดือนมีนาคม 2542 ผลการศึกษาพบว่าค่าเฉลี่ยประชากรไรโซเบียมในดินมีความแตกต่างกันทางสถิติ ในแต่ละพื้นที่ โดยค่าเฉลี่ยพบมากในสองแปลงที่มีการปลูกกล้าไม้ (GLDP และ GLP) การศึกษานี้ไม่พบความสัมพันธ์ของค่าเฉลี่ยประชากรไรโซเบียมกับคุณสมบัติทางกายภาพดินที่ศึกษา การจัดจำแนกความแตกต่าง และศึกษาความสัมพันธ์ของไรโซเบียมกลุ่มเจริญเร็ว 32 ไอโซเลท ที่แยกจากปมถั่วเขียว 2 สายพันธุ์ จากดินในพื้นที่ป่าทุ่งหญ้าที่มีการปลูกกล้าไม้ร่วมกับขุดคันดินกั้นน้ำ (GLDP) และพื้นที่ป่าเบญจพรรณ (NT1R2) โดยใช้คุณสมบัติการต้านสารปฏิชีวนะและพลาสมิดโพรไฟล์ของเชื้อสามารถจำแนกความต่างได้เป็น 11 และ 9 กลุ่มที่มีขนาดพลาสมิดอยู่ในช่วง 164-600 Mdal และเกือบร้อยละ 70 ของไอโซเลททั้งหมดมีกลุ่มของการจัดจำแนกที่เหมือนกันโดยพลาสมิดโพรไฟล์และคุณสมบัติการต้านสารปฏิชีวนะ แต่ไม่พบลักษณะเด่นของการจัดจำแนกตามแบบแผนพลาสมิดที่สัมพันธ์กับสายพันธุ์พืชและแหล่งที่มาของเชื้อสำหรับผลการจัดจำแนกตามคุณสมบัติทางจีโนไทป์ด้วยเทคนิค RAPD ร่วมกับ 5 ไพรเมอร์ ให้ผลผลิตดีเอ็นเอที่หลากหลายมีขนาดอยู่ในช่วง 0.29-3.0 กิโลเบส สามารถจำแนกประชากรไรโซเบียมออกเป็น 5 กลุ่ม โดยชนิดดินที่ต่างกันเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดความผันแปรทางพันธุกรรมได้มากกว่าสายพันธุ์พืช ซึ่งการจัดจำแนกด้วยเทคนิคพลาสมิดโพรไฟล์ พบว่ามีความสอดคล้องกับเทคนิค RAPD แต่ในบางกรณีให้ผลการจัดจำแนกในระดับที่สูงมากเกินไป ซึ่งเป็นข้อเสียของเทคนิคนี้หากนำมาใช้จัดจำแนกเพียงลำพังเทคนิคเดียว อย่างไรก็ตามพลาสมิดโพรไฟล์ร่วมกับเทคนิค RAPD นี้ นอกจากสามารถแยกความแตกต่างของเชื้อที่มีจีโนไทป์ใกล้ชิดกันมากออกจากกันได้แล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายที่เกิดภายในพลาสมิดโพรไฟล์กลุ่มเดียวกันอีกด้วย โดยข้อมูลจาก 2 เทคนิค นำมายืนยันความสัมพันธ์ได้ร่วมกับคุณสมบัติต้านสารปฏิชีวนะ แสดงให้เห็นรายละเอียดของความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการภายในประชากร และประสิทธิภาพการจัดจำแนกที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ผลการทดสอบประสิทธิภาพการตรึงไนโตรเจน พบว่าแอคทิวิตี้ของเอนไซม์ไนโตรจีเนสของเชื้อทั้ง 32 ไอโซเลท ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และพบว่าไอโซเลทส่วนใหญ่ให้น้ำหนักของต้นแห้งที่สัมพันธ์ กับค่า ARA (Acetylene Reduction Assay) และน้ำหนักปมแห้ง ลักษณะการเกิดปมที่พบ คือ เกิดปมการกระจายตามรากแก้ว ลักษณะที่ 2 และ 3 เกิดปมการกระจายตามรากแขนง และรากแขนงกับรากแก้ว
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
พลาสมิดโพรไฟล์ของไรโซเบียมในถั่วเขียว Vigna radiata (L.) Wilczek จากพื้นที่โครงการสร้างป่าและป่าพันธุกรรมพืช จังหวัดนครราชสีมา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2543
ความหลากหลายทางพันธุกรรมของราที่สามารถย่อยสลายเซลลูโลสในพื้นที่โครงการสร้างป่าตามแนวพระราชดำริ และป่าพันธุกรรมพืช อ.ครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ลักษณะเรือนพุ่ม การสังเคราะห์ด้วยแสงของใบย่อย และการหายใจของฝักถั่วเขียว (vigna radiata (l.) wilczek) การให้ความร้อนจากคลื่นความถี่วิทยุเพื่อการควบคุมด้วงถั่วเขียวและผลผลต่อคุณภาพของถั่วเขียวผิวมัน การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาบางประการของถั่วเขียว ถั่วดา และถั่วแดงหลวงภายใต้สภาวะการขาดน้ำ การผลิตโปรตีนไฮโดรไลเซทจากกากถั่วเหลืองและกากถั่วเขียวเพื่อใช้เป็นสารปรุงแต่งกลิ่นรส ผลของการปรับสภาพแป้งและสภาวะเอกซ์ทรูชันต่อสมบัติ ทางกายภาพ เคมีและดัชนีไกลซิมิคของแป้งถั่วเขียวขึ้นรูป ผลของความเค็มที่มีต่อการเจริญเติบโตและการเกิดปมรากของวัชพืชตระกูลถั่วบางชนิด การสลายเซลล์ด้วยด่างอย่างต่อเนื่องผ่านท่อผสมที่ไม่มีการกวนเพื่อผลิตพลาสมิดสำหรับยีนบำบัด การศึกษาผลของพลาสมิดที่โคลนด้วยยีนอินเตอร์เฟอรอนแกมมาของสุกรต่อการแบ่งตัวของ Porcine reproductive and respiratory syndrome virus ในเซลล์ MARC-145 การส่งถ่ายพลาสมิดเข้าสู่ข้าวบือโปะโละโดยใช้เชื้ออะโกรแบคทีเรียม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก