สืบค้นงานวิจัย
ผลของการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้งต่อการสะสมน้ำหนักแห้ง ปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ และผลผลิตของสับปะรด
จินดารัฐ วีระวุฒิ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: ผลของการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้งต่อการสะสมน้ำหนักแห้ง ปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ และผลผลิตของสับปะรด
ชื่อเรื่อง (EN): Effect of foliar fertilizer in dry season on drymatter accumulation, leaf chlorophyll, and yield of pineapple.
บทคัดย่อ: การศึกษาผลกระทบของการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้งต่อการสะสมน้ำหนักแห้ง ปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ และผลผลิตของสับปะรด โดยต้นสับปะรดที่ใช้ในงานทดลองที่ 1 อายุประมาณ 5 เดือนในช่วงฤดูแล้ง ปลูกจากหน่อขนาดกลางน้ำหนักเฉลี่ย 580 กรัม ที่ระยะเริ่มการให้ปุ๋ยทางใบ (อายุ 5 เดือน) น้ำหนักสดของทั้งต้นเฉลี่ยเท่ากับ 0.708 กิโลกรัม การให้ปุ๋ยทางใบที่แตกต่างกันไม่มีผลให้น้ำหนักต้นทั้งน้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งที่ทุกอายุการเก็บตัวอย่างมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ระดับคลอโรฟิลล์ในใบที่ระยะก่อนการให้ปุ๋ยทางใบ (อายุ 5 เดือน) มีค่าเฉลี่ยของ chlorophyll index เท่ากับ 232.1 และเพิ่มขึ้นเป็น 250.7 และ 341.0 ที่อายุ 8 และ 11 เดือนตามลำดับ ที่อายุ 11 เดือนผลกระทบของการให้ปุ๋ยทางใบมีผลให้chlorophyll index เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) ที่ระยะบังคับผลต้นสับปะรดมีน้ำหนักสดเฉลี่ย 3.064 กิโลกรัมต่อต้น ผลผลิตของสับปะรดโดยรวมเริ่มเก็บได้เมื่อต้นสับปะรดมีอายุประมาณ 20-21 เดือน แปลง control มีน้ำหนักผลเฉลี่ยต่ำสุด 1.42 กิโลกรัม และมีผลผลิต 11.36 ตันต่อไร่ น้ำหนักผลเฉลี่ยและผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามปริมาณปุ๋ยทางใบที่ได้รับในช่วงฤดูแล้ง treatment ที่ 7 ซึ่งได้รับปุ๋ยทางใบที่มี ยูเรียและโพแทสเซียมซัลเฟตอย่างละ 5 กิโลกรัม ฉีดพ่นให้ 4 ครั้งต่อเดือนได้รับน้ำหนักผลเฉลี่ยสูงสุด 1.64 กิโลกรัมต่อผล ผลผลิต 13.09 ตันต่อไร่ น้ำหนักผลเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นทั้งความกว้างและความยาวผลซึ่งมีค่าเพิ่มขึ้นตามปริมาณปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.01) ต้นสับปะรดที่ใช้ในงานทดลองที่ 2 อายุประมาณ 7 เดือนในช่วงฤดูแล้ง ปลูกจากจุกขนาดใหญ่น้ำหนักเฉลี่ย 350 กรัม ที่ระยะเริ่มการให้ปุ๋ยทางใบ (อายุ 7 เดือน) น้ำหนักสดของทั้งต้นเฉลี่ยเท่ากับ 670 กรัม การให้ปุ๋ยทางใบไม่มีผลให้น้ำหนักต้นทั้งน้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งที่ทุกอายุการเก็บตัวอย่างมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ระดับคลอโรฟิลล์ในใบที่ระยะก่อนการให้ปุ๋ย(อายุ 7 เดือน) มีค่าเฉลี่ยของ chlorophyll index เท่ากับ 224.8 และเพิ่มขึ้นเป็น 242.4 และ 332.5 ที่อายุ 10 และ 13 เดือนตามลำดับ ที่อายุ 13 เดือน ระดับคลอโรฟิลล์ในใบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้ง แต่ความแตกต่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ที่ระยะบังคับผลต้นสับปะรดมีน้ำหนักสดเฉลี่ย 3.116 กิโลกรัมต่อต้น เริ่มเก็บผลผลิตเมื่อต้นสับปะรดมีอายุได้ประมาณ 22-23 เดือน น้ำหนักเฉลี่ยของผล น้ำหนักเฉลี่ยของจุก ความยาวผล และผลผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณของการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้ง แต่ความแตกต่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ผลผลิตในแปลง control ได้รับต่ำสุด 11.44 ตันต่อไร่ การให้ยูเรีย+โพแทสเซียมซัลเฟตอย่างละ 5 กิโลกรัมในน้ำ 700 ลิตรต่อไร่ฉีดพ่นให้ต้นสับปะรดเดือนละ 4 ครั้ง (treatment ที่ 6 และ 7) ให้ผลผลิตที่ 12.0 และ 12.16 ตันต่อไร่ตามลำดับ การตอบสนองต่อการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้งของความกว้างผล ความหวาน และปริมาณกรด ไม่มีทิศทางที่ชัดเจนและไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p< 0.05) การศึกษาผลกระทบของการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้งต่อการสะสมน้ำหนักแห้ง ปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ และผลผลิตของสับปะรด โดยต้นสับปะรดที่ใช้ในงานทดลองที่ 1 อายุประมาณ 5 เดือนในช่วงฤดูแล้ง ปลูกจากหน่อขนาดกลางน้ำหนักเฉลี่ย 580 กรัม ที่ระยะเริ่มการให้ปุ๋ยทางใบ (อายุ 5 เดือน) น้ำหนักสดของทั้งต้นเฉลี่ยเท่ากับ 0.708 กิโลกรัม การให้ปุ๋ยทางใบที่แตกต่างกันไม่มีผลให้น้ำหนักต้นทั้งน้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งที่ทุกอายุการเก็บตัวอย่างมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ระดับคลอโรฟิลล์ในใบที่ระยะก่อนการให้ปุ๋ยทางใบ (อายุ 5 เดือน) มีค่าเฉลี่ยของ chlorophyll index เท่ากับ 232.1 และเพิ่มขึ้นเป็น 250.7 และ 341.0 ที่อายุ 8 และ 11 เดือนตามลำดับ ที่อายุ 11 เดือนผลกระทบของการให้ปุ๋ยทางใบมีผลให้chlorophyll index เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) ที่ระยะบังคับผลต้นสับปะรดมีน้ำหนักสดเฉลี่ย 3.064 กิโลกรัมต่อต้น ผลผลิตของสับปะรดโดยรวมเริ่มเก็บได้เมื่อต้นสับปะรดมีอายุประมาณ 20-21 เดือน แปลง control มีน้ำหนักผลเฉลี่ยต่ำสุด 1.42 กิโลกรัม และมีผลผลิต 11.36 ตันต่อไร่ น้ำหนักผลเฉลี่ยและผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามปริมาณปุ๋ยทางใบที่ได้รับในช่วงฤดูแล้ง treatment ที่ 7 ซึ่งได้รับปุ๋ยทางใบที่มี ยูเรียและโพแทสเซียมซัลเฟตอย่างละ 5 กิโลกรัม ฉีดพ่นให้ 4 ครั้งต่อเดือนได้รับน้ำหนักผลเฉลี่ยสูงสุด 1.64 กิโลกรัมต่อผล ผลผลิต 13.09 ตันต่อไร่ น้ำหนักผลเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นทั้งความกว้างและความยาวผลซึ่งมีค่าเพิ่มขึ้นตามปริมาณปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.01) ต้นสับปะรดที่ใช้ในงานทดลองที่ 2 อายุประมาณ 7 เดือนในช่วงฤดูแล้ง ปลูกจากจุกขนาดใหญ่น้ำหนักเฉลี่ย 350 กรัม ที่ระยะเริ่มการให้ปุ๋ยทางใบ (อายุ 7 เดือน) น้ำหนักสดของทั้งต้นเฉลี่ยเท่ากับ 670 กรัม การให้ปุ๋ยทางใบไม่มีผลให้น้ำหนักต้นทั้งน้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งที่ทุกอายุการเก็บตัวอย่างมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ระดับคลอโรฟิลล์ในใบที่ระยะก่อนการให้ปุ๋ย(อายุ 7 เดือน) มีค่าเฉลี่ยของ chlorophyll index เท่ากับ 224.8 และเพิ่มขึ้นเป็น 242.4 และ 332.5 ที่อายุ 10 และ 13 เดือนตามลำดับ ที่อายุ 13 เดือน ระดับคลอโรฟิลล์ในใบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้ง แต่ความแตกต่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ที่ระยะบังคับผลต้นสับปะรดมีน้ำหนักสดเฉลี่ย 3.116 กิโลกรัมต่อต้น เริ่มเก็บผลผลิตเมื่อต้นสับปะรดมีอายุได้ประมาณ 22-23 เดือน น้ำหนักเฉลี่ยของผล น้ำหนักเฉลี่ยของจุก ความยาวผล และผลผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณของการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้ง แต่ความแตกต่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ผลผลิตในแปลง control ได้รับต่ำสุด 11.44 ตันต่อไร่ การให้ยูเรีย+โพแทสเซียมซัลเฟตอย่างละ 5 กิโลกรัมในน้ำ 700 ลิตรต่อไร่ฉีดพ่นให้ต้นสับปะรดเดือนละ 4 ครั้ง (treatment ที่ 6 และ 7) ให้ผลผลิตที่ 12.0 และ 12.16 ตันต่อไร่ตามลำดับ การตอบสนองต่อการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้งของความกว้างผล ความหวาน และปริมาณกรด ไม่มีทิศทางที่ชัดเจนและไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p< 0.05)
บทคัดย่อ (EN): Two experiments were conducted to determine the effects of foliar fertilizer application during dry season on dry matter accumulation, leaf chlorophyll content and yield of pineapple. Plants in experiment 1 were grown from suckers of average weight 580 g. At the starting of foliar fertilizer treatment (5 months), average plant fresh weight was 0.708 kg. Different treatments of foliar fertilizer did not have significant effect on both average fresh weight and dry weight of the plants at 8 and 11 months after planting. Average leaf chlorophyll index before treatments of foliar fertilizer was 232.1 and increased to 250.7 and 341.0 at 8 and 11 months after planting respectively. At 11 months higher rate of foliar fertilizer increase leaf chlorophyll content significantly (p<0.05). At forcing time, average plant fresh weight was 3.064 kg/plant. Harvestings were done at 20-21 months after planting. The control treatment had lowest average fruit weight (1.42 kg) and yield (11.36 tons/Rai). Increasing rate of foliar fertilizer applications in dry season increased average fruit weight and yield significantly. The treatment of 5 kg urea and 5 kg potassium sulfate spraying 4 times a month result to highest average fruit weight (1.64 kg) and yield (13.09 tons/Rai). The increasing of average fruit weight and yield were from the increasing of average fruit width and fruit length which also significantly (p< 0.01) affected by the increasing rate of foliar fertilizer application during dry season. Plants in experiment 2 were grown from crown of average weight 350 g. At the starting of foliar fertilizer application treatment (7 months), average of the plant fresh weight was 0.670 kg. Different treatments of foliar fertilizer did not have significant effect on both average fresh weight and dry weight of the plants at 10 and 13 months after planting. Average leaf chlorophyll index before treatments of foliar fertilizer was 224.8 and increased to 242.4 and 332.5 at 10 and 13 months after planting respectively. At 13 months, leaf chlorophyll index had tendency to increase with higher rate of foliar fertilizer application but the results were not statistically significant (p<0.05). At forcing time, average plant fresh weight was 3.116 kg/plant. Harvestings were done at 22-23 months after planting. Lowest average fruit weight (1.43 kg/plant) and yield (11.44 tons/Rai) received from control treatment. Application of 5 kg urea and 5 kg potassium sulfate 4 times a month (treatment 6 and 7) result to highest yield, 12.0 and 12.16 tons/Rai respectively, but the results were not statistically significant (p<0.05). Response of total soluble solids and fruit acids to the increasing rate of foliar fertilizer application during dry season were also not statistically difference (p<0.05). Two experiments were conducted to determine the effects of foliar fertilizer application during dry season on dry matter accumulation, leaf chlorophyll content and yield of pineapple. Plants in experiment 1 were grown from suckers of average weight 580 g. At the starting of foliar fertilizer treatment (5 months), average plant fresh weight was 0.708 kg. Different treatments of foliar fertilizer did not have significant effect on both average fresh weight and dry weight of the plants at 8 and 11 months after planting. Average leaf chlorophyll index before treatments of foliar fertilizer was 232.1 and increased to 250.7 and 341.0 at 8 and 11 months after planting respectively. At 11 months higher rate of foliar fertilizer increase leaf chlorophyll content significantly (p<0.05). At forcing time, average plant fresh weight was 3.064 kg/plant. Harvestings were done at 20-21 months after planting. The control treatment had lowest average fruit weight (1.42 kg) and yield (11.36 tons/Rai). Increasing rate of foliar fertilizer applications in dry season increased average fruit weight and yield significantly. The treatment of 5 kg urea and 5 kg potassium sulfate spraying 4 times a month result to highest average fruit weight (1.64 kg) and yield (13.09 tons/Rai). The increasing of average fruit weight and yield were from the increasing of average fruit width and fruit length which also significantly (p< 0.01) affected by the increasing rate of foliar fertilizer application during dry season. Plants in experiment 2 were grown from crown of average weight 350 g. At the starting of foliar fertilizer application treatment (7 months), average of the plant fresh weight was 0.670 kg. Different treatments of foliar fertilizer did not have significant effect on both average fresh weight and dry weight of the plants at 10 and 13 months after planting. Average leaf chlorophyll index before treatments of foliar fertilizer was 224.8 and increased to 242.4 and 332.5 at 10 and 13 months after planting respectively. At 13 months, leaf chlorophyll index had tendency to increase with higher rate of foliar fertilizer application but the results were not statistically significant (p<0.05). At forcing time, average plant fresh weight was 3.116 kg/plant. Harvestings were done at 22-23 months after planting. Lowest average fruit weight (1.43 kg/plant) and yield (11.44 tons/Rai) received from control treatment. Application of 5 kg urea and 5 kg potassium sulfate 4 times a month (treatment 6 and 7) result to highest yield, 12.0 and 12.16 tons/Rai respectively, but the results were not statistically significant (p<0.05). Response of total soluble solids and fruit acids to the increasing rate of foliar fertilizer application during dry season were also not statistically difference (p<0.05).
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: ปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

จินดารัฐ วีระวุฒิ. "ผลของการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้งต่อการสะสมน้ำหนักแห้ง ปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ และผลผลิตของสับปะรดEffect of foliar fertilizer in dry season on drymatter accumulation, leaf chlorophyll, and yield of pineapple.". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2554

จินดารัฐ วีระวุฒิ. "ผลของการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้งต่อการสะสมน้ำหนักแห้ง ปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ และผลผลิตของสับปะรดEffect of foliar fertilizer in dry season on drymatter accumulation, leaf chlorophyll, and yield of pineapple.". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2554. Print.



TARR Wordcloud:
ผลของการให้ปุ๋ยทางใบในช่วงฤดูแล้งต่อการสะสมน้ำหนักแห้ง ปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ และผลผลิตของสับปะรด
จินดารัฐ วีระวุฒิ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2554
การเพิ่มผลผลิตกระดาษใบสับปะรดโดยใช้เครื่องมือและเครื่องจักรช่วยในกระบวนการผลิต การใช้ใบสับปะรดเป็นอาหารสำหรับโคขุน การผลิตคาร์บอนกัมมันต์เสริม KMnO4 จากใบสับปะรดด้วยการกระตุ้นที่อุณหภูมิต่ำ สำหรับเป็นสารกรองน้ำกระด้าง การย่อยได้และผลผลิตแก๊สในหลอดทดลองของเศษเหลือสับปะรดหมักเพื่อใช้เป็นอาหารหยาบทดแทนในช่วงฤดูแล้ง สภาพการผลิตสับปะรดจังหวัดหนองคาย การประเมินระดับคลอโรฟิลล์ในใบข้าวโพดโดยการใช้ Chlorophyll meter และความสัมพันธ์กับน้ำหนักแห้งมวลชีวภาพและผลผลิต การผลิตและการตลาดสับปะรด จังหวัดเพชรบุรี การใช้ใบสับปะรดหรือฟางข้าวในอาหารผสมเสร็จสำหรับโคขุน การทำแห้งน้ำสับปะรดด้วยเครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย: ผลของปริมาณสารช่วยทำแห้งและอุณหภูมิอบแห้งต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสับปะรด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair