สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการการสืบพันธุ์โคนมแบบบูรณาการเพื่อเพิ่มการผลิต อย่างยั่งยืนของสมาชิกสหกรณ์โคนมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
นายจักรกฤษณ์ จักรสัมฤทธิ์ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์
ชื่อเรื่อง: การวิจัยถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการการสืบพันธุ์โคนมแบบบูรณาการเพื่อเพิ่มการผลิต อย่างยั่งยืนของสมาชิกสหกรณ์โคนมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Technology Transfer to Integrated Reproductive Managements of Dairy Cows for Increasing Sustainable Pr
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นายจักรกฤษณ์ จักรสัมฤทธิ์
บทคัดย่อ: การกลับสู่สภาพปกติของระบบสืบพันธุ์ในโคนมหลังคลอดที่ล่าช้าส่งผลต่อความสมบูรณ์พันธุ์และการผสมติด ซึ่งเป็นข้อจำกัดต่อความสำเร็จในการจัดการการสืบพันธุ์และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของเกษตรกรรายย่อย สาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาผสมไม่ติดมีหลายสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีหลักฐานมากมายที่ระบุว่าโคนมมักมีระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุลและมักจะมีความสมบูรณ์พันธุ์ต่ำ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ เพื่อแก้ไขปัญหาการสืบพันธุ์ในโคนมแรกคลอดที่เลี้ยงเกษตรกรรายย่อย โดยการบูรณาการการใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้ในด้านชีววิทยาการสืบพันธุ์ร่วมกับการจัดการโคนมหลังคลอด ดังนั้นการวิจัยนี้จึงได้ออกแบบการวิจัยออกเป็น 4 แผนการทดลอง โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized Design, CRD) เพื่อทดสอบสมมติฐาน แผนการทดลองที่ 1) แม่โคนมระยะก่อนคลอด 1 เดือน จำนวน 60 ตัว แบ่งการทดลอง 3 กลุ่มคือ ไม่ได้รับการเสริมน้ำมันพืชกับกลุ่มที่ได้รับการเสริมในอาหารข้นขนาด 4 และ 8% โดยทำการเสริมช่วงก่อนและหลังคลอด 1 เดือน ผลการศึกษานี้พบว่าสุขภาพของมดลูกและรังไข่ของแม่โคที่ได้รับการเสริมน้ำมันพืชดีกว่า (P<0.01) กลุ่มที่ไม่ได้รับการเสริมน้ำมันพืช ทั้งระยะเวลาในการคลอด การขับรก และวันที่มดลูกเข้าอู่ และจำนวนฟอลลิเคิลที่มีขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพตกไข่และพร้อมผสมติดมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการเสริมน้ำมัน (1.8, 3.6 และ 3.8 ใบ ในกลุ่มควบคุม เสริมน้ำมันพืชระดับ 4 และ 8% ตามลำดับ (P<0.05) แผนการทดลองที่ 2) แม่โคนมระยะหลังคลอดเดือน จำนวน 80 ตัว แบ่งการทดลอง 4 กลุ่มคือ โคนมได้รับอาหารข้น 16% โปรตีน (T1) ได้รับการเสริมมันเฮย์ขนาด 1 กก.ต่อตัวต่อวัน (T2) ได้รับการเสริมใบกระถินแห้งขนาด 1 กก.ต่อตัวต่อวัน (T3) และโคนมได้รับการเสริมมันเฮย์ 0.5 และ ใบกระถิน 0.5 กก.ต่อตัวต่อวัน (T4) ผลการศึกษาพบว่าการเสริมมันเฮย์หรือใบกระถินหรือมันเฮย์ร่วมกับใบกระถินส่งผลดีปริมาณน้ำนมที่เพิ่มขึ้นกว่ากลุ่มควบคุม (P<0.05) และทำให้สุขภาพของมดลูกและรังไข่ดีขึ้นจากข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่ผสมเทียมจนผสมติดติดในโคนมมีจำนวนครั้งที่ต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการเสริมมันเฮย์และใบกระถิน (2.32) โดยวันหลังคลอดที่มดลูกเข้าอู่นั้นกลุ่มที่ได้รับการเสริมมันเฮย์และใบกระถินมดลูกจะเข้าอู่วันที่ 33-37 วันหลังคลอด แต่กลุ่มควบคุมพบการเข้าอู่นานกว่า 47 วันหลังคลอด (P<0.05) ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับ วันที่โคนมแสดงอาการเป็นสัดหลังคลอดในกลุ่มควบคุมพบการเป็นสัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 54.89 วันหลังคลอด แต่กลุ่มที่ได้รับการเสริมใบกระถินและมันเฮย์ 40-46 วันหลังคลอดเท่านั้น (P<0.05) แผนการทดลองที่ 3) โคนมที่ไม่ตั้งท้องจำนวน 80 ตัว แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ โคนมได้รับโปรแกรมเหนี่ยวนำการตกไข่ 4 โปรแกรมคือ Doublesynch (T1), Ovsynch (T2), Ovsynch+CIDR (T3) และ CIDR+PGF+E2 (T4) ผลการศึกษาพบว่าโคนมที่ได้รับโปรแกรม Doublesynch มีอัตราการตั้งท้องสูงที่สุดคือ 76% รองลงมา 68% ในกลุ่มโคนมที่ได้รับโปรแกรม CIDR+PGF+E2 ใกล้เคียงกับโคนมในกลุ่ม Ovsynch+CIDR อัตราการผสมติด 60% ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้มีอัตราการผสมติดสูงกว่าโคนมที่ได้รับโปรแกรม Ovsynch ที่มีอัตราการผสมติดเพียง 44% (P<0.05) สำหรับระยะเวลาในการตกไข่หลังได้รับการฉีดฮอร์โมนเข็มสุดท้ายของแต่ละโปรแกรมนั้นไม่มีความแตกต่างกัน (P>0.05) โดยเฉลี่ยอยู่ในช่วง 32-43 ชั่วโมงก็จะมีการตกไข่เกิดขึ้น นอกจากนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพทางการสืบพันธุ์ในแม่โคนมด้วยการใช้โปรแกรมเหนี่ยวนำการเป็นสัดส่งผลดีต่ออัตราการผสมติด แผนการทดลองที่ 4) ผลการประเมินจากผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมในครั้งนี้สิ่งที่เกษตรกรให้ความคิดเห็นว่ามีประโยชน์มากที่สุดสูงกว่า 40% คือ ความสามารถในการนำไปใช้ได้จริง สามารถนำไปถ่ายทอด เผยแพร่ต่อผู้อื่นได้ ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายและเวลาที่เสียไป สำหรับการฝึกอบรมนี้มีความมั่นใจว่าสามารถนำประสบการณ์ที่ได้ไปใช้ได้จริงในฟาร์มได้อย่างแน่นนอนสูงถึง 62.30% และสามารถเพิ่มรายได้เฉลี่ย 1,001-2,000 บาทต่อเดือนได้อย่างแน่นอนมากกว่า 18.03% และมากกว่า 14.75% จะมีรายได้เพิ่มมากกว่า 6,001-7,000 บาท และ 13.11% คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 7,001-8,000 บาท และระดับความพึงพอใจ เกี่ยวกับการดำเนินการฝึกอบรมในการเข้ารับการฝึกอบรมในด้านต่างๆ โดยภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี (ระดับ 4) มากถึง 44.26% รองลงมาระดับดีมาก 37.70% และระดับความพึงพอใจเกี่ยวกับวิทยากรโดยภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก (ระดับ 5) สูงถึง 42.62% ผลจากการศึกษานี้พบว่าการประยุกต์ใช้น้ำมันพืชขนาด 4 และ 8% ในอาหารข้นสามารถช่วยให้โคนมในช่วงก่อนและหลังคลอด 1 เดือน สามารถคลอดง่าย ขับรกเร็ว รกไม่ค้าง มดลูกเข้าอู่เร็วกว่าปกติ เช่นเดียวกับการเสริมมันเฮย์ ใบกระถินให้แก่โคนมระยะแรกคลอดนั้นพบว่าส่งผลดีต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์ในโคนมระยะหลังคลอด นอกจากนั้นแล้วการจัดระบบการผสมพันธุ์หรือลดวันท้องว่างในโคนมด้วยการประยุกต์ใช้โปรแกรมเหนี่ยวนำการตกไข่ที่เหมาะสมกับโคนมมากที่สุดคือ Doublesynch, CIDR+PGF+E2 และ Ovsynch+CIDR ซึ่งเป็นกลยุทธิ์ที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพทางการสืบพันธุ์ในโคนมสำหรับเป็นแนวทางในการเพิ่มผลผลิตทั้งประมาณน้ำนมและลูกโคนม
บทคัดย่อ (EN): Exp. I) Prepartum multiparous Holstein cows (n=60) were randomly allocated to receive dietary concentrate (control) plus one of two supplements (4 and 8% plant oil) 4-week prior to parturition. Following parturition, all cows were continually given the same dietary concentrate for 4 weeks. Uterine health and ovarian functions were greater in cows supplemented with both 4 and 8% plant oil. There also were effects of dietary supplements on the number of large follicles (P<0.05). The uterine involution and first estrus postpartum of supplemented cows was recovered sooner than those control cows (P<0.05). Exp. II) Dairy cows postpartum (n= 80) separate experiments, four groups of cows were fed concentrate, 16% protein (T1) has been added, it hay, 1 kg., per day (T2) was added, acacia leaves. 1 kg dry. against per day (T3) and dairy cattle, it has been reinforced, leucaena hay 0.5 and 0.5 kg of cassava hay, per day (T4). The study found that supplementing it, cassava hay or Leucaena hay and cassava hay + leucaena hay were greater milk production greater than the control group (P <0.05. In addition, the uterine involution in treatment groups were greater (33-37 days postpartum) than the control group (> 47 days postpartum, P<0.05). Moreover, the first estrous after parturition in the control group (54.89 day postpartum) were longer than the treatment groups (40-46 days postpartum, P <0.05). Exp. III) Nonpregnant dairy cows (n=80) were randomly assigned to each of 4 treatments to receive artificial insemination (AI). Dairy cows assigned to 4 treatments: Doublesynch, Ovsynch, Ovsynch+CIDR, and CIDR+PGF+E2. The first conception rate were greater (P<0.05) in Doublesynch (76%), Ovsynch+CIDR (60%), and CIDR+PGF+E2 (68%) than Ovsynch (44%) groups. Exp. IV) Evaluation of the participants in this training the farmers to the extent that more than 40% of the most useful is the ability to bring practical. Addition, for this training, the confidence that can bring practical experience to the farm is absolutely up to 62.30% and increase average revenue 1,001-2,000 baht per month. Moreover, the implementation of the training to receive training in various fields. Overall is satisfactory (grade 4) up to 44.26% followed by 37.70%, and a good level of guest satisfaction overall is in very good (level 5) up to 42.62%. Several observations in this research project have substantially contributed to integrated understanding of our research team and related researchers leading to the best practices to resolve infertility problems in postpartum dairy cows and therefore the sustainable dairy production.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์
คำสำคัญ: การจัดการด้านอาหารก่อนและหลังคลอด
คำสำคัญ (EN): Pre-Postpartum feed management
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน
รายละเอียด: Exp. I) Prepartum multiparous Holstein cows (n=60) were randomly allocated to receive dietary concentrate (control) plus one of two supplements (4 and 8% plant oil) 4-week prior to parturition. Following parturition, all cows were continually given the same dietary concentrate for 4 weeks. Uterine health and ovarian functions were greater in cows supplemented with both 4 and 8% plant oil. There also were effects of dietary supplements on the number of large follicles (P
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิจัยถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการการสืบพันธุ์โคนมแบบบูรณาการเพื่อเพิ่มการผลิต อย่างยั่งยืนของสมาชิกสหกรณ์โคนมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์
2558
การแก้ไขปัญหาผสมไม่ติดและเพิ่มประสิทธิภาพการสืบพันธุ์โคนมด้วยเทคโนโลยีชีวภาพทางการสืบพันธุ์ที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มการผลิตโคนมอย่างยั่งยืนของเกษตรกรรายย่อย การศึกษาจีโนไทป์แคปปา-เคซีนของโคนมในฟาร์มโคนมของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เขตพื้นที่พิษณุโลก การลดต้นทุนและเพิ่มปริมาณ CLA และ Omega 3 ในน้ำนมโดย การเลี้ยงโคนมอินทรีย์ด้วยหญ้าคุณภาพดี การใช้โปรแกรมการเหนี่ยวนำการเป็นสัดและตกไข่แล้วกำหนดเวลาการผสมเทียมเพื่อเพิ่มสมรรถภาพการสืบพันธุ์ในแม่โคนม การศึกษาภาวะแร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัสและแมกนีเซียมในโคนม อิทธิพลของอุณหภูมิและความชื้นต่ออัตราการผสมติดของโคนมจังหวัดสุโขทัย ผลของการใช้มูลโคนมสดในอาหารห่านกำลังเจริญเติบโต ศึกษาการใช้อ้อยสดทั้งต้นเป็นอาหารหยาบเสริมในโคนมสาว การใช้เปลือกกล้วยน้ำว้าสุกหมักเป็นอาหารหยาบเสริมในโคนมสาว การศึกษาต้นทุนผันแปร และผลตอบแทนในการเลี้ยงลูกโคนมเพศผู้พันธุ์ผสมโฮลสโตน์ฟรีเชียน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก