สืบค้นงานวิจัย
เชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร และสเตร็ปโตคอคคัส ไพโอจีน ในคราบจุลินทรีย์ของเด็กที่มีฟันผุลุกลาม
Sukritta Jittmaitre - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: เชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร และสเตร็ปโตคอคคัส ไพโอจีน ในคราบจุลินทรีย์ของเด็กที่มีฟันผุลุกลาม
ชื่อเรื่อง (EN): Helicobacter pylori and Streptococcus Pyogenes in dental plaque of children with rampant caries
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Sukritta Jittmaitre
บทคัดย่อ: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร และเชื้อสเตร็ปโตคอคคัส ไพโอจีนในคราบจุลลินทรีย์ของเด็กที่มีฟันผุลุกลามเปรียบเทียบกับเด็กที่ปราศจากฟันผุ เด็กที่มีสุขภาพดี 67 คน อายุระหว่าง 31-140 เดือน เป็นเด็กที่มีฟันผุลุกลาม 37 คน และเด็กที่ปราศจากฟันผุ 30 คน สัมภาษณ์ผู้ปกครองของอาสาสมัครเกี่ยวกับอายุ ประวัติสุขภาพ และประวัติครอบครัวกลุ่มตัวอย่างได้รับการตรวจฟันผุทั้งทางคลินิกและทางภาพถ่ายรังสี และบันทึกดัชนีคราบจุลลินทรีย์ ผู้วิจัยตักคราบจุลินทรีย์น้ำหนัก 2 มิลลิกรัมจากฟันกรามแท้หรือฟันกรามน้ำนม นำคราบจุลลินทรีย์ใส่ลงในรีดิวส์ ทรานสปอร์ต ฟลูอิด (reduced transport fluid) ปริมาณ 2 มิลลิลิตร นำตัวอย่างคราบจุลลินทรีย์จากอาสาสมัครมาเพาะเชื้อบนอาหารลี้ยงเชื้อที่เหมาะสม และนับปริมาณเชื้อเป็นจำนวนโคไลนีต่อมิลลิกรัมคราบจุลินทรีย์ เชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไรได้รับวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยวิธีปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส ผลการวิจัยพบความชุกของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร โดยวิธีการเพาะเชื้อในกลุ่มเด็กที่มีฟันผุลุกลามและกลุ่มที่ปราศจากฟันผุเท่ากับ 0.03% และ 0% ตามลำดับ การศึกษาวิธีปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรสพบว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างความชุกชองเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลระหว่างเด็กทั้งสองกลุ่มโดยความชุกของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไรในเด็กที่ฟันผุลุกลามและเด็กที่ปราศจากฟันผุเท่ากับ 86.5% และ 90.0% ตามลำดับความชุกของเชื้อ สเตร็ปโตคอคคัสไพโอจีนในคราบจุลลินทรีย์ของเด็กที่ฟันผุลุกลามและเด็กที่ปราศจากฟันผุเท่ากับ 10.0% และ 10.8% ตามลำดับ จากผลการศึกษาสรุปว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างความชุกของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร และเชื้อสเตร็ปโตคอคคัส ไพโอจีย ในคราบจุลลินทรีย์ของเด็กที่มีฟันผุลุกลามและเด็กที่ปราศจากฟันผุ
บทคัดย่อ (EN): oral health status was evaluated including DT (dt), DS (ds), and debris index. A sterile spoon excavator size 1.5 mm was used to scrape 2 mg of supragingival plaque from permanent molars and/or primary molars, then transfered into tubes containing 2 ml of reducing transport fluid (RTF). The quantity of these microorganisms was examined by culturing in their selective media. The selective media for H. pylori contained nalixidic acid, vancomycin, trimethoprim, amphotercin and 5% sheep blood. The selective media for S. pyogenes contained trimethoprim and sulfamethoxazole. The number of colonies in each sample was calculated in colony forming units (CFU) per milligram of dental plaque. In addition, the polymerase chain reaction assay was performed for the detection of H. pylori. Chi-square test was used to analyse the differences in the prevalence of H. pylori and S. pyogenes between rampant caries and caries-free children. A p-value less than 0.05 was accepted as statistically significant. The prevalence of H. pylori in dental plaque by culturing method in rampant caries group and caries free group was 0.03% and 0%, respectively. The detection rates of H. pylori by PCR technique in rampant caries group and caries-free group were 86.5% and 90.0%, respectively. The prevalence of S. pyogenes in the rampant caries and caries-free groups was 10.0 % and 10.8 %, respectively. There were no significant difference in the prevalence of H. pylori and S. pyogenes in dental plaque between rampant caries and caries-free children. In conclusion, (i) There was no significant difference in the prevalence of Helicobacter pylori between the rampant caries and caries-free groups. (ii) The detection rate of S. pyogenes in dental plaque was rather low and there was no significant difference between rampant caries and caries-free groups.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2773&obj_id=2419
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): microbiology
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร และเชื้อสเตร็ปโตคอคคัส ไพโอจีนในคราบจุลลินทรีย์ของเด็กที่มีฟันผุลุกลามเปรียบเทียบกับเด็กที่ปราศจากฟันผุ เด็กที่มีสุขภาพดี 67 คน อายุระหว่าง 31-140 เดือน เป็นเด็กที่มีฟันผุลุกลาม 37 คน และเด็กที่ปราศจากฟันผุ 30 คน สัมภาษณ์ผู้ปกครองของอาสาสมัครเกี่ยวกับอายุ ประวัติสุขภาพ และประวัติครอบครัวกลุ่มตัวอย่างได้รับการตรวจฟันผุทั้งทางคลินิกและทางภาพถ่ายรังสี และบันทึกดัชนีคราบจุลลินทรีย์ ผู้วิจัยตักคราบจุลินทรีย์น้ำหนัก 2 มิลลิกรัมจากฟันกรามแท้หรือฟันกรามน้ำนม นำคราบจุลลินทรีย์ใส่ลงในรีดิวส์ ทรานสปอร์ต ฟลูอิด (reduced transport fluid) ปริมาณ 2 มิลลิลิตร นำตัวอย่างคราบจุลลินทรีย์จากอาสาสมัครมาเพาะเชื้อบนอาหารลี้ยงเชื้อที่เหมาะสม และนับปริมาณเชื้อเป็นจำนวนโคไลนีต่อมิลลิกรัมคราบจุลินทรีย์ เชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไรได้รับวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยวิธีปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส ผลการวิจัยพบความชุกของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร โดยวิธีการเพาะเชื้อในกลุ่มเด็กที่มีฟันผุลุกลามและกลุ่มที่ปราศจากฟันผุเท่ากับ 0.03% และ 0% ตามลำดับ การศึกษาวิธีปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรสพบว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างความชุกชองเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลระหว่างเด็กทั้งสองกลุ่มโดยความชุกของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไรในเด็กที่ฟันผุลุกลามและเด็กที่ปราศจากฟันผุเท่ากับ 86.5% และ 90.0% ตามลำดับความชุกของเชื้อ สเตร็ปโตคอคคัสไพโอจีนในคราบจุลลินทรีย์ของเด็กที่ฟันผุลุกลามและเด็กที่ปราศจากฟันผุเท่ากับ 10.0% และ 10.8% ตามลำดับ จากผลการศึกษาสรุปว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างความชุกของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร และเชื้อสเตร็ปโตคอคคัส ไพโอจีย ในคราบจุลลินทรีย์ของเด็กที่มีฟันผุลุกลามและเด็กที่ปราศจากฟันผุ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
เชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร และสเตร็ปโตคอคคัส ไพโอจีน ในคราบจุลินทรีย์ของเด็กที่มีฟันผุลุกลาม
Sukritta Jittmaitre
มหาวิทยาลัยมหิดล
2548
ปริมาณเชื้อแบคทีเรียในเนื้อฟันผุที่เปลี่ยนแปลงภายหลังการบูรณะฟันกรามน้ำนมด้วยกลาสไอโอโนเมอร์ซีเมนต์ 1 ปี ผลของการเคลือบฟันกรามแท้ซี่ที่สองที่ขึ้นเพียงบางส่วนด้วยกลาสไอโอโนเมอร์ต่อเชื้อมิวแทนส์ สเตรปโตคอคไค และฟลูออไรด์ในแผ่นคราบจุลินทรีย์ การศึกษาผลของเทคโนโลยี Hurdle ต่อการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ Bacillus cereus โดยใช้การปรับค่าความเป็นกรดด่าง ค่าปริมาณน้ำอิสระ และสภาวะบ การผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีต่อไกลโคลิปิดที่จำเพาะของเชื้อวัณโรค การแยกสารแบคเทอริโอซินจากเชื้อ Weissella confusa CP3-1 และการทำให้บริสุทธิ์ การศึกษาไลโซเจนีของแบคเทอริโอฟาจ VHS1 ในเชื้อ Vibrio harveyi การกำจัดกำมะถันอินทรีย์จากน้ำมันดิบโดยเชื้อจุลินทรีย์ การพัฒนายาเม็ดเคี้ยวจากสารสกัดใบฝรั่งในการยับยั้งฟันผุสาเหตุจากเชื้อ streptococcus mutans และแบคทีเรียในช่องปาก การปฏิบัติด้านสุขลักษณะระดับครัวเรือนปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ปริมาณฝุ่น (10 ไมครอน) และควา การแยกเชื้อและการจำแนกสายพันธุ์ Orientia tsutsugamushi จากสัตว์ฟันแทะ ตัวไรอ่อนและมนุษย์ ในบางพื้นที่ ของประเทศไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก