1. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

เทคโนโลยีหลักของผลิตภัณฑ์นี้ประกอบด้วยเทคโนโลยีฟิล์มควบคุมการผ่านของก๊าซและไอน้ำเพื่อสร้างสภาวะบรรยากาศแบบสมดุลภายในบรรจุภัณฑ์ ที่ส่งผลต่อการชะลอการหายใจของผลิตผลและป้องกันการหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งมักจะเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพ การเปลี่ยนกลิ่นและรสชาติของผลิตผลสด ฟิล์มที่พัฒนาขึ้นอาศัยหลักการเลือกพอลิเมอร์และสารเติมแต่งที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมโครงสร้างระดับโมเลกุล และการออกแบบฟิล์มที่มีโครงสร้างหลายชั้น ฟิล์มจึงมีสมบัติทางกลและทางกายภาพ (เช่น การผ่านของก๊าซและไอน้ำ ความใส การป้องกันการเกิดฝ้าจากหยดน้ำ) ที่เหมาะสมต่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ รวมทั้งฟิล์มสามารถผลิตด้วยเครื่องจักรในอุตสาหกรรม

ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าหรือผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลักดันให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงและรวดเร็ว จำเป็นต้องมีการพัฒนาธุรกิจไปพร้อมๆ กับการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ภายในระยะเวลา 3-5 ปี โดยส่งผลไปถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจของตลาดบรรจุภัณฑ์เพื่อรักษาคุณภาพผลิตผลสด การดำเนินธุรกิจของโครงการมีเป้าหมายที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการใช้บรรจุ ภัณฑ์ที่มีคุณค่าและนำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในระดับผู้ประกอบการ และระดับผู้บริโภค การพัฒนาธุรกิจในระดับผู้ประกอบการจะอาศัยกลยุทธ์การร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ เน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างถูกต้องและทันเวลา (Tailor-engineered product) โดยอาศัยจุดเด่นของเทคโนโลยีที่พัฒนา และการประยุกต์ใช้งานให้สามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีสมบัติ เหมาะสมกับผลิตผลสดที่บรรจุ และระบบการขนส่งผลิตผลสด ในส่วนของผู้บริโภคปลายทาง แผนพัฒนาธุรกิจจะใช้กลยุทธ์การทำแบรนด์ผลิตภัณฑ์ร่วม (Co-branding) กับผู้ประกอบการผลิตผลสด ร่วมกับกลยุทธ์การทำแบรนด์ส่วนประกอบ (Ingredient brand) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แสดงให้เห็นคุณลักษณะทางเทคโนโลยีที่ทำหน้าที่รักษาความสด และคุณภาพของผลิตผลในบรรจุภัณฑ์ เพื่อจะสื่อสารให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงประสิทธิผลของบรรจุภัณฑ์ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นและเจาะจงเลือกแบรนด์ส่วนประกอบนี้ในการตัดสินใจ ซื้อผลิตภัณฑ์ อันจะส่งผลให้เกิดการปฺฏิบัติที่เสมือนเป็นมาตรฐานสำหรับผู้ประกอบการในการ ใช้นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อรักษาคุณภาพความสดของผลิตผล

การดำเนินงาน เพื่อให้เกิดเป็นธุรกิจเทคโนโลยี “บรรจุภัณฑ์เพื่อรักษาความสดและคุณภาพ” จะเป็นการทำงานประสานกันของ 4 กลุ่มหลักในโครงการ โดยความร่วมมือกับพันธมิตร (ได้แก่ บริษัทที่รับอนุญาตสิทธิ และตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์) การพัฒนาเทคโนโลยีฐาน (Platform technology) สำหรับนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุผลิตผลสด ดำเนินการโดยกลุ่มวิจัยและพัฒนา การนำเทคโนโลยีจากกลุ่มวิจัยและพัฒนาไปประยุกต์ใช้กับ supply chain ของผู้ประกอบการที่จัดส่งและจำหน่ายผลิตผลสด ดำเนินการโดยกลุ่มพัฒนาการประยุกต์ใช้งาน การทำ Co-branding กับกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย และการทำ Ingredient brand เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค ดำเนินการโดยกลุ่มการตลาด ส่วนการผลักดันผลงานวิจัยไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ ดำเนินการโดยกลุ่มการถ่ายทอดเทคโนโลยี สำหรับแผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีนั้น จะประกอบด้วย 2 ระยะ คือ ระยะแรก (ปีที่ 3) เป็นการเปิดรับและคัดเลือกผู้ผลิตฟิล์มที่เหมาะสมทั้งด้านความสามารถในการ ผลิต และ การเข้าถึงตลาดของผลิตผลสด เพื่อเป็นผู้รับอนุญาตสิทธิในการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ และระยะที่สอง (ปีที่ 4-6) เป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต Masterbatch เพื่อการผลิตและจำหน่าย

สำหรับแผนด้านการเงินนั้น โครงการฯ เสนองบประมาณการลงทุนสำหรับแผนงานทั้งหมด จำนวน 9.23 ล้านบาท (งบวิจัยพัฒนา งบ Application Development และงบสร้าง Ingredient Brand) ระยะเวลาในการวิเคราะห์ด้านการเงินรวม 8 ปี (ตั้งแต่ปีพ.ศ.2557-2564) (การดำเนินงานวิจัย 3 ปี และการประเมินผลกระทบหลังจากผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดอีก 5 ปี) โดยที่งานวิจัยและพัฒนาเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 ส่วนปีที่มีรายได้เกิดขึ้นจะเริ่มนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 ซึ่งเป็นปีที่ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด จากการวิเคราะห์ทางการเงินในระยะเวลา 8 ปี พบว่า แผนธุรกิจดังกล่าวจะมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของโครงการ (NPV) เท่ากับ 4.52 ล้านบาท และมีค่าผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) เท่ากับร้อยละ 21.78 โดยมีระยะเวลาการคืนทุน (Payback period) ประมาณ 5.79 ปี และ Profit index เท่ากับ 1.36 นอกจากนี้โครงการ สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ภายในระยะเวลา 5 ปี หลังจากผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด คิดเป็นมูลค่า ~582 ล้านบาท (คิดผลกระทบตั้งแต่ขั้นตอนจากโรงคัดบรรจุเมื่อเริ่มบรรจุผักสดใส่ถุงถึงการ วางจำหน่ายบนชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นเวลา 7 วัน)

The key technology of the current development is the manufacturing of the packaging film that possesses controlled gas and water vapor transmission with balanced mechanical and physical properties for practical production in industrial scale and for commercialization. Film with suitable oxygen transmission rate (OTR) can create an equilibrium modified atmosphere (EMA) inside the package to effectively reduce respiration of the packaged produce, deterioration of produce quality, and its off-flavor caused by anaerobic respiration. Desirable commercial film properties include clarity, Anti-fog performance, processability using high speed machine and competitive price. The optimization process will be carried out through optimal selection of polymers, functional additives, effective mixing, and proper film structural design through processing of multilayer film.

The developed innovative and sustainable packagings for fresh produce possess properties and functions that can effectively fulfill the requirements of customers or end users. To achieve commercialized products within 3-5 years, the business development strategy will be implemented alongside the technology development pathway. One major goal of the business strategy is to create more market needs by building trust in the application of our innovative packaging products, both in the business operator level and the end consumer level. In the business operator level, the viable products can be co-created with business partners using the “Tailor-engineered product” approach through our core technology and application development. By doing so, the packaging products with desired features for the selected fresh produce and supply chain can be developed. For the consumer level, “co-branding” strategy with fresh produce operators/partners together with “ingredient brand” strategy will be put in operation as the communication tool to the consumer. The brand should convey the packaging technology attribute in preserving freshness and quality of fruits and vegetables. It is important to promote consumer awareness and acceptance on the benefit of the packaging technology through “the ingredient brand”. With an acknowledged ingredient brand, such packaging can readily be the product of choice. It should be noted that proper packaging technology together with good post-harvest practice are key in obtaining maximum benefit in fresh quality preservation. Thus, effective packaging with well-realized ingredient brand can also serve as an exemplar, reflecting a more or less typical post-harvest management for utilizing the packaging technology to preserve freshness quality and to prolong shelf-life of fruits and vegetables.

To establish the technology business of “Innovative packaging for preserving freshness and quality” the collaborative teamwork consists of 4 groups as well as the technology partners (Licensees). R&D group develops platform technology for innovative and sustainable packaging products. Then, the developed products will be field-tested under the fresh produce supply chain operation and requirement, by the Application Development group. Marketing group is in charge of creating co-branding with the target packers and distributors as well as creating ingredient brand in order to connect to the end consumers. Technology transfer (TT) group is responsible for the commercialization plan including licensing of the developed technologies and products. The TT plan has two phases: phase 1 (3rd year)-selection of licensees (film manufacturers) having suitable technical manufacturing capability and accessibility to the target fresh produce markets, and phase 2 (4th to 6th year)-TT plan gears towards licensing out the Masterbatch compounding technology.

Based on the financial analysis of 8 years (R&D for 3 years and impact evaluation for 5 years after commercializing the products), technology business of the “Innovative and sustainable packaging” project will thrive at the Net Present Value (NPV) of 4.52 million Bath. The Internal Rate of Return (IRR) will be 21.78%. The payback period will be 5.79 years and the profit index will be 1.36. Overall resulting impacts of the project, from economic, social and environmental aspects, are projected to be ~582 million Baht, during 5 years after the products launch.