สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาศักยภาพภาพสินค้าเกษตรเปรียบเทียบไทยกับเวียดนาม
ประนาถ พิพิธกุล - สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ชื่อเรื่อง: การศึกษาศักยภาพภาพสินค้าเกษตรเปรียบเทียบไทยกับเวียดนาม
บทคัดย่อ: การศึกษาศักยภาพสินค้าเกษตรเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของสินค้ารวม 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ยางพารา ผลไม้ กาแฟ และกุ้ง ได้ใช้เครื่องมือดัชนีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบที่ปรากฏ (Revealed Comparative Advantage Index: RCA) เพื่อวิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขันส่งออกของสินค้า 5 ชนิด ทั้งของไทยและเวียดนาม พบว่า สินค้าข้าว ยางพารา ผลไม้ และกุ้ง ของทั้ง 2 ประเทศ มีความสามารถในการแข่งขันส่งออก เพราะมีค่า RCA มากกว่า 1 ซึ่งหมายความว่ามีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบในการส่งออกสินค้าทั้ง 4 ชนิด ทั้งในระดับตลาดโลกและตลาดอาเซียน ส่วยกาแฟไม่มีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบในการส่งออก สำหรับการวิเคราะห์สถานภาพหรือตำแหน่งในการแข่งขันส่งออกของสินค้าเกษตรทั้ง 5 ชนิด ได้ใช้เครื่องมือ Boston Consulting Group Matrix: BCG Matrix ในการวิเคราะห์ทั้งในระดับตลาดโลกและในตลาดอาเซียน พบว่า 1) ข้าวเวียดนามเป็นสินค้าดาวเด่น (Stars) ในตลาดอาเซียน แต่เป็นสินค้าดาวร่วง(Dogs) ในตลาดโลก ขณะที่ข้าวของไทยเป็นสินค้าดาวเด่น (Stars) ในตลาดโลก แต่เป็นสินค้าที่มีปัญหา (Question Marks) ในตลาดอาเซียน ดังนั้น ข้าวไทยจะครองส่วนแบ่งการตลาดข้าวในอาเซียนได้ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต พัฒนาเมล็ดพันธุ์ พัฒนาระบบชลประทานให้กระจายทั่วถึง ตลอดจนเพิ่มคุณภาพของผลผลิต รวมถึงการพัฒนาข้าวสายพันธุ์พื้นเมืองให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อใช้คุณลักษณะและความเฉพาะตัวของข้าวสายพันธุ์ไทยเข้าครองตลาดในกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะ (niche market) และตลาดระดับบน สำหรับด้านการตลาด ในระยะสั้น ควรให้ความสำคัญในการรักษาและขยายตลาดข้าวระดับ Premium โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ส่วนในระยะยาว พัฒนาสินค้าข้าวที่มีคุณภาพข้าวและระดับราคาที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม และเร่งรัดประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับข้าวของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ให้ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้รับรู้อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อการปรับตัว และพัฒนาระบบโลจิสติกส์ข้าวไทย โดยเฉพาะการขนส่งให้มีต้นทุนที่ต่ำลง 2) ยางพาราเวียดนามเป็นสินค้าดาวร่วง (Dogs) ทั้งในตลาดโลกและตลาดอาเซียน เนื่องจากตลาดหลักของเวียดนามคือจีนแต่การขยายตัวส่งออกไปจีนยังค่อนข้างต่ำขณะที่ยางพาราไทยเป็นสินค้าทำเงิน (cash cows) ทั้งในตลาดโลกและตลาดอาเซียน โดยตลาดหลักของไทย คือ จีนและมาเลเซีย สะท้อนให้เห็นว่าสินค้ายางพาราของประเทศไทยในตลาดโลกและตลาดอาเซียนได้เริ่มอิ่มตัว ซึ่งไทยอาจสูญเสียตลาดให้กับประเทศคู่แข่งได้ ดังนั้น ไทยจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มคุณภาพผลผลิตให้สอดคล้องตามความต้องการของตลาด และสร้างความเข้มแข็งโดยการพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการผลิตและการลงทุนในอุตสาหกรรมยาง ตลอดจนการปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการของไทย รวมทั้งการลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนการส่งออกและสนับสนุนการร่วมทุนกับต่างประเทศ เพื่อให้มีการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มขึ้น ตลอดจนจะต้องประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อให้ไทยเป็นประเทศผู้นำทั้งในตลาดโลกและตลาดอาเซียน 3. กาแฟเวียดนามเป็นสินค้าดาวรุ่ง (Stars) ในตลาดโลกมีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้น แต่เป็นสินค้าทำเงิน (Cash Cows) ในตลาดอาเซียน เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการกาแฟเวียดนาม ขณะที่กาแฟไทยอยู่ในตำแหน่งสินค้าดาวร่วง (Dogs) ในตลาดโลก เนื่องจากมีการส่งออกไปตลาดโลกน้อยมาก แต่เป็นสินค้าที่มีปัญหา (Question Marks) ในตลาดอาเซียน เนื่องจากอัตราการขยายตัวของการส่งออกกาแฟไปในตลาดอาเซียนสูงกว่าอัตราการขยายตัวของตลาด แต่ปริมาณการส่งออกยังมีไม่มากนัก ดังนั้น เพื่อให้กาแฟไทยเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ไทยจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยการปรับปรุงสวนกาแฟเสื่อมโทรม พัฒนาการผลิตของเกษตรกรให้ได้มาตรฐาน GAP และการพัฒนาส่งเสริมการใช้พันธุ์ดี รวมทั้งเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์กาแฟ โดยส่งเสริมการผลิตสำหรับตลาดเฉพาะ (Niche Market) และส่งเสริมการผลิตกาแฟเฉพาะถิ่น 4. ผลไม้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมผลไม้ที่ก้าวหน้ามาก รัฐบาลให้การสนับสนุนและให้ความสำคัญกับงานวิจัยปรับปรุงพันธุ์ และมีการลงทุนร่วมกับต่างประเทศในด้านการผลิตเพื่อยกระดับมาตรฐานผลผลิต รวมทั้งมีการศึกษาเรียนรู้อุตสาหกรรมผลไม้ในประเทศไทย ขณะที่ไทยเป็นประเทศผู้นำในการส่งออกผลไม้ในตลาดโลกและตลาดอาเซียน เนื่องจากผลไม้ไทยเป็นที่ยอมรับของตลาด สำหรับเงาะและลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่ทำรายได้ให้กับประเทศเวียดนาม โดยมีจีนเป็นตลาดคู่ค้าที่สำคัญ เวียดนามมีศักยภาพในการผลิตผลไม้เช่นเดียวกับประเทศไทย แต่มีความสัมพันธ์ทางการค้าในลักษณะคู่ค้ามากกว่าคู่แข่ง โดยประเทศเวียดนามมีการนำเข้าผลไม้จากประเทศไทยหลายชนิด แต่เป็นการนำเข้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่น ในขณะที่ประเทศไทยพึ่งพาประเทศเวียดนามในด้านเส้นทางการขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ในการส่งออกผลไม้ไปยังตลาดจีน ดังนั้น เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำด้านผลไม้ จำเป็นต้องสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของผลไม้ไทย ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ลดต้นทุนการผลิตและพัฒนาคุณภาพของผลผลิตให้ได้มาตรฐานของอาเซียนและพัฒนาคุณภาพและความหลากหลาย ของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนสร้างแบรนด์สินค้าเป็นผลไม้อินทรีย์จากประเทศไทยเพื่อยกระดับมาตรฐานของผลผลิต 5. กุ้งเวียดนามเป็นสินค้าดาวร่วง (Dogs) ในตลาดโลก เนื่องมีปัญหาโรคระบาด ขณะที่กุ้งไทยเป็นสินค้าดาวเด่น (Stars) ในตลาดโลก เนื่องจากไทยมีการผลิตกุ้งที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ประเทศผู้นำเข้ามีความเชื่อมั่นในสินค้ากุ้งไทย รวมทั้งไทยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากสินค้ากุ้งให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้ไทยเป็นผู้นำตลาดของโลกโดยมีส่วนครองตลาดมากกว่าจีนเกือบ 2 เท่า แต่กุ้งทั้งของเวียดนามและไทยเป็นสินค้าที่มีปัญหา (Question Marks) ในตลาดอาเซียน เนื่องจากตลาดส่งออกกุ้งที่สำคัญคือสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นมีการส่งออกกุ้งไปตลาดอาเซียนเล็กน้อย ดังนั้น เพื่อให้ไทยเป็นผู้นำด้านคุณภาพในการส่งออกกุ้งไทย จำเป็นต้องมีการเร่งวิจัยพัฒนาพ่อแม่พันธุ์กุ้งคุณภาพ พัฒนามาตรฐานการผลิตในระดับฟาร์มและอุตสาหกรรมแปรรูปกุ้ง พัฒนาผลิตภัณฑ์กุ้งให้มีความหลากหลายมากขึ้น ยกระดับให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้ากุ้งและอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปกุ้ง รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการค้ากุ้งในประชาคมอาเซียน (Shrimp Hub)
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
คำสำคัญ: อาเซียน
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาศักยภาพภาพสินค้าเกษตรเปรียบเทียบไทยกับเวียดนาม
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
30 กันยายน 2555
สวัสดิการภาคเกษตรกับคุณภาพชีวิตทางสังคมของชาวนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: กรณีศึกษาเปรียบเทียบไทยและเวียดนาม โครงการศักยภาพการผลิต การตลาดและขีดความสามารถในการแข่งขันของยางพาราในเวียดนามและไทย สินค้าและแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่จำหน่ายผ่านแผงลอยริมถนนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ Phaktila Thai Herbal สินค้าเกษตรแปรรูปเพื่อสุขภาพ ผลิตภาพสินเชื่อของครัวเรือนเกษตรภาคเหนือ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กระบวนการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน การศึกษาศักยภาพการพัฒนาเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูง : กรณีศึกษาพื้นที่เกษตรชุมชนชาวกะเหรี่ยง หมู่บ้านตะเพินคี่ จังหวัดสุพรรณบุรี การเปรียบเทียบประสิทธิภาพทางเทคนิคของการเพาะปลูกข้าวระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม โซ่อุปทานและโครงสร้างตลาดธุรกิจปาล์มน้ำมันในเขตภาคเหนือตอนบนของไทย-กรณีศึกษาโอกาสทางการตลาดในประเทศอาเซียน-จีน ในเส้นทางสายเศรษฐกิจ R3A
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก