| บทคัดย่อ: |
จากการศึกษาผลของสารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วยน้ำต่อการเติบโตของ Dityosphaerium sp. และ Scenedesmus sp. (งบประมาณปี 2552) โดยใช้สารสกัดความเข้มข้น 0, 0.909, 1.818 และ 3.636 กรัมต่อลิตร และวัดการเติบโตโดยวัดปริมาณคลอโรฟิลล์เอ คลอโรฟิลล์บี คลอโรฟิลล์ทั้งหมด และปริมาณแคโรทีนอยด์ในเซลล์ เป็นเวลา 7 วัน ด้วยเครื่อง spectrophotometer ที่ความยาวคลื่น 440, 663 และ 645 นาโนเมตร พบว่าสารสกัดจากฟางข้าวมีผลยับยั้งการเติบโตของสาหร่ายทั้ง 2 ชนิด ความเข้มข้นที่สามารถยับยั้งการเติบโตได้มากที่สุดในวันที่ 7 ของสาหร่ายทั้งสองชนิดคือ 3.636 กรัมต่อลิตร ซึ่งยับยั้งการเติบโตของ Dityosphaerium sp. และ Scenedesmus sp. ได้ 63.84 และ 67.38 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
จากการศึกษาผลสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากฟางข้าวในการควบคุมการบลูมของสาหร่ายและไซยาโนแบคทีเรีย โดยใช้ฟางข้าวพันธุ์ชัยนาท1 ความเข้มข้น 0, 1, 2, 3 และ 4 กรัมต่อลิตร วัดการเจริญเติบโตของสาหร่ายโดยวัดปริมาณรงควัตถุที่เกี่ยวข้องในกระบวนการสังเคราะห์แสง พบว่า ฟางข้าวพันธุ์ชัยนาท1 ปลดปล่อยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของ Anabaena sp. ซึ่งเป็นไซยาโนแบคทีเรียที่พบเป็นส่วนใหญ่ในน้ำจากบ่อบัวที่นำมาทำการทดลอง
การศึกษาผลของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากฟางข้าวต่อการเจริญเติบโตของสาหร่ายและไซยาโนแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของวอเตอร์บลูม โดยใช้ฟางข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ความเข้มข้น 0.00, 1.25, 2.50 และ 5.00 กรัมต่อลิตร วัดการเจริญเติบโตโดยวัดปริมาณรงควัตถุที่เกี่ยวข้องในกระบวนการสังเคราะห์แสง พบว่าปริมาณฟางข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ที่มีความสามารถในการยับยั้งการเจริญเติบโตของสาหร่ายและไซยาโนแบคทีเรียได้ 50% คือ 4.85 กรัมต่อลิตร
จากการศึกษาผลของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากฟางข้าวต่อการงอกและการเจริญเติบโตของไมยราบยักษ์ โดยใช้สารสกัดฟางข้าวพันธุ์ชัยนาท1 และพันธุ์ขาวดอกมะลิ105 ความเข้มข้น 0, 25, 50, 75 และ 100 กรัมน้ำหนักแห้งของฟางต่อลิตร พบว่า สารสกัดหยาบจากฟางข้าวทุกพันธุ์ไม่สามารถยับยั้งการงอกของเมล็ดไมยราบยักษ์ แต่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้าไมยราบยักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจริญเติบโตของราก ซึ่งจะเห็นได้ว่าสารสกัดหยาบจากฟางข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 มีแนวโน้มในการยับยั้งความยาวยอด และสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของรากไมยราบยักษ์ได้แตกต่างทางสถิติกับชุดควบคุม
การศึกษาผลของสารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วยตัวทำละลาย 4 ชนิด คือ hexane, ethyl acetate, methanol และน้ำ (งบประมาณปี 2553) ที่มีผลต่อการงอก การเจริญเติบโตของต้นกล้า และการเกิด lipid peroxidation โดยวัดปริมาณ malondialdehyde (MDA) พบว่าสารสกัดที่สกัดด้วย hexane มีผลทำให้การงอกของเมล็ดไมยราบยักษ์ และหญ้าปล้องข้าวนกเพิ่มขึ้น สำหรับการเจริญเติบโตของต้นกล้า พบว่า สารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วย hexane ทำให้ความยาวรากไมยราบยักษ์เพิ่มขึ้น และสารสกัดที่สกัดด้วย methanol และน้ำทำให้ความ ยาวรากของหญ้าปล้องข้าวนกเพิ่มขึ้น ขณะที่สารสกัดที่สกัดด้วย hexane ทำให้ความยาวยอดของหญ้าปล้องข้าวนกลดลง นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดที่สกัดด้วย methanol ทำให้ความยาวยอดและความยาวรากของไมยราบยักษ์ลดลง
เมื่อศึกษาการเกิด lipid peroxidation พบว่า สารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วย ethyl acetate และ methanol มีแนวโน้มที่ทำให้ปริมาณ MDA เพิ่มมากขึ้นในไมยราบยักษ์ โดยสารสกัดที่สกัดด้วย ethyl acetate ทำให้ปริมาณ MDA ในรากของไมยราบยักษ์แตกต่างจากชุดควบคุม แสดงว่า สารสกัดทำให้เกิด lipid peroxidation ในรากของไมยราบยักษ์ แต่สารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วย methanol และน้ำให้การเกิด lipid peroxidation ในรากและยอดของหญ้าปล้องข้าวนกลดลงตามลำดับ
เมื่อนำสารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วย methanol ซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของต้นกล้าไมยราบยักษ์มาแยกด้วยเทคนิค Vacuum Liquid Chromatography (งบประมาณปี 2554) พบว่า ได้ 6 fraction และเมื่อนำกลับไปทดสอบกับไมยราบยักษ์อีกครั้ง พบว่า fraction 6 ซึ่งเกิดจากการรวม fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 0 : 65 : 35 ถึง fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 0 : 0 : 100 สามารยับยั้งความยาวยอดและรากได้ดีที่สุด ขณะที่ fraction อื่นทำให้ความยาวยอดและรากเพิ่มขึ้น โดยที่ fraction 1 ซึ่งเกิดจากการรวม fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 95 : 5 : 0 ถึง fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 0 : 100 : 0 ทำให้ความยาวยอดเพิ่มขึ้นมากที่สุด และ fraction 2 ซึ่งเกิดจาก fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 0 : 95 : 5 ทำให้ความยาวรากเพิ่มขึ้นมากที่สุด
จากการศึกษาผลของสารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วยน้ำต่อการเติบโตของ Dityosphaerium sp. และ Scenedesmus sp. (งบประมาณปี 2552) โดยใช้สารสกัดความเข้มข้น 0, 0.909, 1.818 และ 3.636 กรัมต่อลิตร และวัดการเติบโตโดยวัดปริมาณคลอโรฟิลล์เอ คลอโรฟิลล์บี คลอโรฟิลล์ทั้งหมด และปริมาณแคโรทีนอยด์ในเซลล์ เป็นเวลา 7 วัน ด้วยเครื่อง spectrophotometer ที่ความยาวคลื่น 440, 663 และ 645 นาโนเมตร พบว่าสารสกัดจากฟางข้าวมีผลยับยั้งการเติบโตของสาหร่ายทั้ง 2 ชนิด ความเข้มข้นที่สามารถยับยั้งการเติบโตได้มากที่สุดในวันที่ 7 ของสาหร่ายทั้งสองชนิดคือ 3.636 กรัมต่อลิตร ซึ่งยับยั้งการเติบโตของ Dityosphaerium sp. และ Scenedesmus sp. ได้ 63.84 และ 67.38 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
จากการศึกษาผลสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากฟางข้าวในการควบคุมการบลูมของสาหร่ายและไซยาโนแบคทีเรีย โดยใช้ฟางข้าวพันธุ์ชัยนาท1 ความเข้มข้น 0, 1, 2, 3 และ 4 กรัมต่อลิตร วัดการเจริญเติบโตของสาหร่ายโดยวัดปริมาณรงควัตถุที่เกี่ยวข้องในกระบวนการสังเคราะห์แสง พบว่า ฟางข้าวพันธุ์ชัยนาท1 ปลดปล่อยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของ Anabaena sp. ซึ่งเป็นไซยาโนแบคทีเรียที่พบเป็นส่วนใหญ่ในน้ำจากบ่อบัวที่นำมาทำการทดลอง
การศึกษาผลของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากฟางข้าวต่อการเจริญเติบโตของสาหร่ายและไซยาโนแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของวอเตอร์บลูม โดยใช้ฟางข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ความเข้มข้น 0.00, 1.25, 2.50 และ 5.00 กรัมต่อลิตร วัดการเจริญเติบโตโดยวัดปริมาณรงควัตถุที่เกี่ยวข้องในกระบวนการสังเคราะห์แสง พบว่าปริมาณฟางข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ที่มีความสามารถในการยับยั้งการเจริญเติบโตของสาหร่ายและไซยาโนแบคทีเรียได้ 50% คือ 4.85 กรัมต่อลิตร
จากการศึกษาผลของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากฟางข้าวต่อการงอกและการเจริญเติบโตของไมยราบยักษ์ โดยใช้สารสกัดฟางข้าวพันธุ์ชัยนาท1 และพันธุ์ขาวดอกมะลิ105 ความเข้มข้น 0, 25, 50, 75 และ 100 กรัมน้ำหนักแห้งของฟางต่อลิตร พบว่า สารสกัดหยาบจากฟางข้าวทุกพันธุ์ไม่สามารถยับยั้งการงอกของเมล็ดไมยราบยักษ์ แต่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้าไมยราบยักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจริญเติบโตของราก ซึ่งจะเห็นได้ว่าสารสกัดหยาบจากฟางข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 มีแนวโน้มในการยับยั้งความยาวยอด และสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของรากไมยราบยักษ์ได้แตกต่างทางสถิติกับชุดควบคุม
การศึกษาผลของสารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วยตัวทำละลาย 4 ชนิด คือ hexane, ethyl acetate, methanol และน้ำ (งบประมาณปี 2553) ที่มีผลต่อการงอก การเจริญเติบโตของต้นกล้า และการเกิด lipid peroxidation โดยวัดปริมาณ malondialdehyde (MDA) พบว่าสารสกัดที่สกัดด้วย hexane มีผลทำให้การงอกของเมล็ดไมยราบยักษ์ และหญ้าปล้องข้าวนกเพิ่มขึ้น สำหรับการเจริญเติบโตของต้นกล้า พบว่า สารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วย hexane ทำให้ความยาวรากไมยราบยักษ์เพิ่มขึ้น และสารสกัดที่สกัดด้วย methanol และน้ำทำให้ความ ยาวรากของหญ้าปล้องข้าวนกเพิ่มขึ้น ขณะที่สารสกัดที่สกัดด้วย hexane ทำให้ความยาวยอดของหญ้าปล้องข้าวนกลดลง นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดที่สกัดด้วย methanol ทำให้ความยาวยอดและความยาวรากของไมยราบยักษ์ลดลง
เมื่อศึกษาการเกิด lipid peroxidation พบว่า สารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วย ethyl acetate และ methanol มีแนวโน้มที่ทำให้ปริมาณ MDA เพิ่มมากขึ้นในไมยราบยักษ์ โดยสารสกัดที่สกัดด้วย ethyl acetate ทำให้ปริมาณ MDA ในรากของไมยราบยักษ์แตกต่างจากชุดควบคุม แสดงว่า สารสกัดทำให้เกิด lipid peroxidation ในรากของไมยราบยักษ์ แต่สารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วย methanol และน้ำให้การเกิด lipid peroxidation ในรากและยอดของหญ้าปล้องข้าวนกลดลงตามลำดับ
เมื่อนำสารสกัดฟางข้าวที่สกัดด้วย methanol ซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของต้นกล้าไมยราบยักษ์มาแยกด้วยเทคนิค Vacuum Liquid Chromatography (งบประมาณปี 2554) พบว่า ได้ 6 fraction และเมื่อนำกลับไปทดสอบกับไมยราบยักษ์อีกครั้ง พบว่า fraction 6 ซึ่งเกิดจากการรวม fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 0 : 65 : 35 ถึง fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 0 : 0 : 100 สามารยับยั้งความยาวยอดและรากได้ดีที่สุด ขณะที่ fraction อื่นทำให้ความยาวยอดและรากเพิ่มขึ้น โดยที่ fraction 1 ซึ่งเกิดจากการรวม fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 95 : 5 : 0 ถึง fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 0 : 100 : 0 ทำให้ความยาวยอดเพิ่มขึ้นมากที่สุด และ fraction 2 ซึ่งเกิดจาก fraction ที่มีอัตราส่วน hexane : chloroform : methanol เท่ากับ 0 : 95 : 5 ทำให้ความยาวรากเพิ่มขึ้นมากที่สุด |
| บทคัดย่อ (EN): |
The study on effect of rice straw extract (aqueous extract) on growth of Dityosphaerium sp. and Scenedesmus sp. at the concentration of 0, 0.909, 1.818 and 3.636 g/L was investigated. (2552) The growth was examined from the chlorophyll a, chlorophyll b, total chlorophyll and carotenoid content at seventh day by spectrophotometer at 440, 663 and 645 nm. The results demonstrated that the rice straw extract, at the concentration of 3.636 g/L, could significantly inhibit these microalgae growth at seventh day. At this concentration, the inhibition percentage of Dityosphaerium sp. and Scenedesmus sp. were 67.38 % and 63.84 %, respectively.
The study on effect of rice straw cv.Chainat 1 at the concentration of 0, 1, 2, 3 and 4 g/L on growth of algae in blooming water was investigated by examining the photosynthetic pigment. The result showed that rice straw cv.Chainat 1 might release some bioactive compounds which could inhibit growth of Anabaena sp., cyanobacteria dominant in blooming water used in this experiment.
The effect of rice straw cv. Khao Dok Mali 105 (KDML 105) on growth of bloom-forming algae and cyanobacteria at the concentration of 0.00, 1.25, 2.50 and 5.00 g/L was investigated by examining the photosynthetic pigment. The result showed that the concentrations that inhibit growth by rice straw cv. KDML 105 by 50% (I50) was 4.85 g/L.
The effect of bioactive compounds, extracted from rice straw cv. Chainat 1 and Khao Dok Mali 105 at the concentration of 0, 25, 50, 75 and 100 g dry weight/L, on seed germination and seedling growth of giant mimosa (Mimosa pigra L.) was also investigated. It was showed that the crude extracts from each cultivar had no effect on seed germination. However, seedling growth, especially root length, was inhibited. The crude extract from Khao Dok Mali 105 tend to inhibit shoot growth of giant mimosa and could inhibit root growth with significantly different to the control.
In 2010, rice straw extracted by hexane, ethyl acetate, methanol and water were tested on seed germination, seedling growth and lipid peroxidation which used malondialdehyde (MDA) as an indicator. The result showed that rice straw extracted by hexane enhanced seed germination of giant mimosa (Mimosa pigra L.) and crabgrass (Digitaria ciliaris (Retz.) Koeler). Seedling growth of tested plant demonstrated that hexane fraction increased root length of giant mimosa. It was also found that methanolic and aqueous fractions increased root length of crabgrass, while hexane fraction decreased shoot length of crabgrass. Besides this, methanolic fraction decreased shoot and root length of giant mimosa.
The study on lipid peroxidation showed that ethyl acetate and methanol fractions tended to increase MDA content in giant mimosa, especially in root (ethyl acetate fraction) which was different from the control. This indicated that this fraction caused lipid peroxidation in giant mimosa’s root. The methanolic and aqueous fractions reduced lipid peroxidation in root and shoot of crabgrass, respectively.
In 2011, the methanolic extracts, that inhibited giant mimosa seedling growth, were separated by vacuum liquid chromatographic technique, six fractions were recieved and the fractions were tested back on giant mimosa growth. Fraction 6 which combined among fraction at ratio 0: 65: 35 of hexane: chloroform: methanol to fraction at ratio 0: 0: 100 of hexane: chloroform: methanol gave the best result on inhibition of shoot and root growth while the other fractions enhanced root and shoot length. Fraction 1 which combined hexane: chloroform: methanol fraction at the ratio of 95: 5: 0 to fraction of hexane: chloroform: methanol at 0: 100: 0 ratio gave the highest increase in shoot length and fraction 2 (0: 95: 5) promoted highest root length.
The study on effect of rice straw extract (aqueous extract) on growth of Dityosphaerium sp. and Scenedesmus sp. at the concentration of 0, 0.909, 1.818 and 3.636 g/L was investigated. (2552) The growth was examined from the chlorophyll a, chlorophyll b, total chlorophyll and carotenoid content at seventh day by spectrophotometer at 440, 663 and 645 nm. The results demonstrated that the rice straw extract, at the concentration of 3.636 g/L, could significantly inhibit these microalgae growth at seventh day. At this concentration, the inhibition percentage of Dityosphaerium sp. and Scenedesmus sp. were 67.38 % and 63.84 %, respectively.
The study on effect of rice straw cv.Chainat 1 at the concentration of 0, 1, 2, 3 and 4 g/L on growth of algae in blooming water was investigated by examining the photosynthetic pigment. The result showed that rice straw cv.Chainat 1 might release some bioactive compounds which could inhibit growth of Anabaena sp., cyanobacteria dominant in blooming water used in this experiment.
The effect of rice straw cv. Khao Dok Mali 105 (KDML 105) on growth of bloom-forming algae and cyanobacteria at the concentration of 0.00, 1.25, 2.50 and 5.00 g/L was investigated by examining the photosynthetic pigment. The result showed that the concentrations that inhibit growth by rice straw cv. KDML 105 by 50% (I50) was 4.85 g/L.
The effect of bioactive compounds, extracted from rice straw cv. Chainat 1 and Khao Dok Mali 105 at the concentration of 0, 25, 50, 75 and 100 g dry weight/L, on seed germination and seedling growth of giant mimosa (Mimosa pigra L.) was also investigated. It was showed that the crude extracts from each cultivar had no effect on seed germination. However, seedling growth, especially root length, was inhibited. The crude extract from Khao Dok Mali 105 tend to inhibit shoot growth of giant mimosa and could inhibit root growth with significantly different to the control.
In 2010, rice straw extracted by hexane, ethyl acetate, methanol and water were tested on seed germination, seedling growth and lipid peroxidation which used malondialdehyde (MDA) as an indicator. The result showed that rice straw extracted by hexane enhanced seed germination of giant mimosa (Mimosa pigra L.) and crabgrass (Digitaria ciliaris (Retz.) Koeler). Seedling growth of tested plant demonstrated that hexane fraction increased root length of giant mimosa. It was also found that methanolic and aqueous fractions increased root length of crabgrass, while hexane fraction decreased shoot length of crabgrass. Besides this, methanolic fraction decreased shoot and root length of giant mimosa.
The study on lipid peroxidation showed that ethyl acetate and methanol fractions tended to increase MDA content in giant mimosa, especially in root (ethyl acetate fraction) which was different from the control. This indicated that this fraction caused lipid peroxidation in giant mimosa’s root. The methanolic and aqueous fractions reduced lipid peroxidation in root and shoot of crabgrass, respectively.
In 2011, the methanolic extracts, that inhibited giant mimosa seedling growth, were separated by vacuum liquid chromatographic technique, six fractions were recieved and the fractions were tested back on giant mimosa growth. Fraction 6 which combined among fraction at ratio 0: 65: 35 of hexane: chloroform: methanol to fraction at ratio 0: 0: 100 of hexane: chloroform: methanol gave the best result on inhibition of shoot and root growth while the other fractions enhanced root and shoot length. Fraction 1 which combined hexane: chloroform: methanol fraction at the ratio of 95: 5: 0 to fraction of hexane: chloroform: methanol at 0: 100: 0 ratio gave the highest increase in shoot length and fraction 2 (0: 95: 5) promoted highest root length. |
