สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาระบบการเก็บรักษาของดอกกุหลาบในเชิงการค้า
มัณฑนา บัวหนอง - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาระบบการเก็บรักษาของดอกกุหลาบในเชิงการค้า
ชื่อเรื่อง (EN): Development of the storage system of cut rose (Rosa hybrid L.) for commercial use
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: มัณฑนา บัวหนอง
ผู้ร่วมงาน / ผู้ร่วมวิจัย: เฉลิมชัย วงษ์อารี
ผู้ร่วมงาน / ผู้ร่วมวิจัย (EN): CHALERMCHAI WONGS-AREE
คำสำคัญ:
คำสำคัญ (EN):
บทคัดย่อ: การพัฒนาระบบการเก็บรักษาของดอกกุหลาบในเชิงการค้า โดยทำการศึกษาความแตกต่างของอายุการใช้งานของกุหลาบตัดดอก 5 สายพันธุ์ คือ ฮอลแลนด์ แกรนด์ กาล่า ขาวแก้ว พิงค์ เลดี้ และสีชมพู ที่ปักแช่ในน้ำกลั่น ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิ 21+2 oC, 70-80% RH ภายใต้แสงฟลูออเรสเซ้นส์ 12 ชั่วโมง/วัน ตลอดระยะเวลาการทดลอง พบว่า ดอกกุหลาบพันธุ์แกรนด์ กาล่า และขาวแก้วมีการลดลงของน้ำหนักสดน้อยกว่าและมีอัตราการดูดน้ำมากกว่าดอกกุหลาบพันธุ์อื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญยิ่ง(P<0.01) โดยเฉพาะดอกกุหลาบพันธุ์ขาวแก้ว พบว่า ดอกบานมากที่สุดและมีอายุการปักแจกันนานที่สุด เท่ากับ 10 วัน รองลงมา คือ ดอกกุหลาบพันธุ์สีแดง คือ ฮอลแลนด์ และแกรนด์ กาล่า มีอายุการปักแจกัน เท่ากับ 8 วัน ในขณะที่ดอกกุหลาบพันธุ์สีชมพู คือ พิงค์ เลดี้ และสีชมพูมีอายุการปักแจกันสั้นที่สุด เท่ากับ 5 วัน อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ไม่มีผลต่ออัตราการหายใจ การผลิตเอทิลีน และปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ และทำการศึกษาผลของระยะเวลาในการพัลซิ่งดอกกุหลาบพันธุ์แกรนด์ กาล่า พิงค์ เลดี้ และขาวแก้วเพื่อปรับปรุงคุณภาพก่อนเก็บรักษา โดยทำการพัลซิ่งดอกกุหลาบทั้ง 3 พันธุ์ด้วยสารละลาย HQS ความเข้มข้น 200 mg•L-1 + sucrose ความเข้มข้น 3 % (HQS + SU) ที่อุณหภูมิ 21+2 oC นาน 6 12 และ 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นย้ายมาปักในน้ำกลั่น ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิตลอดระยะเวลาการทดลอง พบว่า การพัลซิ่งด้วย HQS + SU นาน 6 ชั่วโมง ช่วยชะลอการลดลงของน้ำหนักสด ชะลอการผลิตเอทิลีน และทำให้อัตราการหายใจสูงที่สุดในดอกกุหลาบพันธุ์แกรนด์ กาล่า และพิงค์ เลดี้ ในขณะที่การพัลซิ่งนาน 12 และ 24 ชั่วโมงมีผลไปเพิ่มปริมาณแอนโธไซยานินในกลีบดอก และเร่งให้ดอกบานเร็วขึ้น โดยเฉพาะดอกกุหลาบพันธุ์ขาวแก้ว จึงทำให้มีอายุการใช้งานสั้นลง เท่ากับ 4.0 และ 3.7 วัน ตามลำดับ แต่ดอกกุหลาบพันธุ์แกรนด์ กาล่าที่พัลซิ่งนาน 6 ชั่วโมงมีอายุการปักแจกันนานที่สุด เท่ากับ 6.5 วัน อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์และระยะเวลาในการพัลซิ่งไม่มีผลต่อปริมาณน้ำตาลทั้งหมดในกลีบดอก และปริมาณคลอโรฟิลล์ทั้งหมดในใบ ทำการศึกษาผลของ 1-MCP ในการรมดอกกุหลาบเพื่อปรับคุณภาพก่อนเก็บรักษา โดยรมดอกกุหลาบพันธุ์แกรนด์ กาล่า และพิงค์ เลดี้ ด้วย 1-MCP ความเข้มข้น 0 200 และ 500 nl•L-1 ที่อุณหภูมิ 21+2 oC นาน 6 ชั่วโมง แล้วย้ายมาปักในน้ำกลั่น ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิตลอดระยะเวลาการทดลอง พบว่า 1-MCP ความเข้มข้น 200 - 500 nl•L-1 ช่วยเพิ่มน้ำหนักสดใน 4 วันแรกของการปักแจกันของดอกกุหลาบพันธุ์แกรนด์ กาล่า และชะลอการลดลงของการดูดน้ำในดอกกุหลาบทั้ง 2 พันธุ์ นอกจากนั้น ยังช่วยให้ดอกบานเพิ่มขึ้นและมีการสะสมปริมาณแอนโธไซยานินมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับชุดการทดลองอื่น ๆ โดยสายพันธุ์มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของดอกกุหลาบ อย่างไรก็ตาม ความเข้มข้นของ 1-MCP ไม่มีผลต่ออัตราการหายใจ ปริมาณคลอโรฟิลล์ทั้งหมดในใบ ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด และอายุการปักแจกันของดอกกุหลาบทั้ง 2 พันธุ์ การศึกษาผลของบรรจุภัณฑ์ดัดแปลงสภาพบรรยากาศต่อคุณภาพ อายุการใช้งานของดอกกุหลาบ โดยทำการรมดอกกุหลาบพันธุ์แกรนด์ กาล่า และพิงค์ เลดี้ด้วย 1-MCP ร่วมกับการพัลซิ่งด้วยสารละลาย HQS + SU นาน 6 ชั่วโมง และเก็บรักษาในถุงพลาสติกชนิด PE ในห้องเย็นอุณหภูมิ 4 oC ให้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซ้นส์นาน 12 ชั่วโมง/วัน นาน 1 สัปดาห์ จึงย้ายมาปักในน้ำกลั่น ณ ห้องควบคุมอุณหภูมิตลอดระยะเวลาการทดลอง พบว่า การเก็บรักษาในถุงพลาสติก PE มีการสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น แต่มีปริมาณก๊าซออกซิเจนในภาชนะน้อยลง โดยเฉพาะในดอกกุหลาบพันธุ์พิงค์เลดี้ที่รมด้วย 1-MCP ร่วมกับการพัลซิ่งด้วย HQS + SU นาน 24 ชั่วโมงมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในภาชนะบรรจุมากที่สุดและก๊าซออกซิเจนน้อยที่สุด และทำให้ดอกกุหลาบทั้ง 2 พันธุ์มีการบานของดอกมากกว่าชุดการทดลองอื่น ๆ โดย 1-MCP สามารถลดการผลิตเอทิลีนของดอกกุหลาบในระหว่างการปักแจกันได้ แต่กลับทำให้ดอกกุหลาบมีอัตราการหายใจเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับการพัลซิ่งด้วย HQS + SU นาน 24 ชั่วโมง นอกจากนั้น ยังพบว่า การพัลซิ่งด้วยน้ำตาลซูโครสสามารถชะลอการสูญเสียคลอโรฟิลล์ได้เมื่อเปรียบเทียบกับชุดควบคุม ดอกกุหลาบพันธุ์แกรนด์ กาล่าที่รมด้วย 1-MCP ร่วมกับการพัลซิ่งด้วย HQS + SU นาน 6 ชั่วโมง แล้วเก็บรักษาในถุงพลาสติกชนิด PE มีอายุการปักแจกันนานที่สุด เท่ากับ 6.3 วัน ในขณะดอกกุหลาบพันธุ์พิงค์ เลดี้ที่รมด้วย 1- MCP เพียงอย่างเดียว แล้วเก็บรักษาในถุงพลาสติกชนิด PE มีอายุการปักแจกันสั้นที่สุด เท่ากับ 3.7 วัน อย่างไรก็ตาม วิธีการจัดการก่อนเก็บรักษาไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักสด อัตราการดูดน้ำ ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด และปริมาณแอนโธไซยานินในกลีบดอก
บทคัดย่อ (EN): Development of the storage system of cut rose (Rosa hybrid L.) for commercial use was investigated by study on different vase life of five cut rose cultivars; ‘Holland’, ‘Grand Gala’, Khao Kaew’, Pink Lady’ and ‘Old Pink’, hold in distilled water in an observation room (21+2 oC, 70-80% RH, cool-white fluorescence lights for 12h/d) throughout experimental period. The results showed that ‘Khoa Kaew’ and ‘Grand Gala’ flowers had significantly less decreased fresh weight and higher water uptake than other cultivars (P<0.01). Also, ‘Khao Kaew’ flower had the greatest flower diameter and the longest vase life to 10 days while the longevity of red rose flowers (‘Holland’ and ‘Grand Gala’) and pink rose flowers (‘Pink Lady’ and ‘Old Pink’) was 8 and 5 days, respectively. However, no significant differences were observed in respiration rate, ethylene production and total chlorophyll content in leaves among all treatments. Effect of pulsing duration on the quality before storage of three cut rose cultivars; ‘Grand Gala’, ‘Pink Lady’ and ‘Khao Kaew’, was studied by pulsing rose flowers with 200 mg•L-1 HQS + 3% sucrose (HQS + SU) for 6, 12 and 24 hours at 21+2 oC, then transfered to ditilled water in an observation room throughout experimental period. It was found that treatment of 6-hour pulsing delayed the decreased fresh weight, ethylene production but stimulated higher respiration rate in ‘Grand Gala’ and ‘Pink Lady’ while 12- and 24-hour pulsing increased anthocyanin content in petal and accelerated the opening of flower diameter, especially in ‘Khao Kaew’ flower which shortened vase life to 4.0 and 3.7 days, respectively. However, ‘Grand Gala’ flower pulsed with HQS + SU for 6 hours had the longest vase life to 6.5 days. Cultivars and duration did not affect total sugar and total chlorophyll contents. Effect of 1-MCP on improving the quality of cut rose flowers before storage was determined by pretreating ‘Grand Gala’ and ‘Pink Lady’ flowers with 0, 200 and 500 nl•L-1 1-MCP for 6 hours, then transferred to distilled water in an observation room throughout experimental period. Pretreatments with 200 - 500 nl•L-1 1-MCP increased fresh weight in the first 4 days of vase period in ‘Grand Gala’ and delayed the reduction of water uptake in both cultivars. Besides, treatment of 1-MCP increased larger flower diameter and higher total anthocyanin content than other treatments. Cultivars affected the quality of cut rose flowers but no significant differences in respiration rate, total chlrophyll content, total sugar content and vase life of both cultivars were observed among 1-MCP treatments. Effect of MAP on quality and vase life of cut rose flowers was investigated by pretreating ‘Grand Gala’ and ‘Pink Lady’ flowers with 1-MCP for 6 hours in combination with HQS + SU pulsing for 0, 6 and 12 hours, then packed in PE plastic bag and stored in 4 oC under cool-white light fluorescence for 12 h/d for 1 week. After storage, flowers were transfer to distilled water in an observation room throughout experimental period. It was revealed that storage in PE bag led to the accumulation of high carbondioxide and low oxygen concentrations, especially in ‘Pink Lady’ flower pretreated with 1-MCP in combination with 24-hour pulsing which had the highest carbondioxide and the lowest oxygen concentrations in PE bag. This stimulated greater diameter of flowers in both cultivars than other treatments. Also, treatment of 1-MCP alone reduced ethylene production of cut rose but when combined with 24-hour pulsing, it was showed the induction of high respiration rate. However, 1-MCP combined with HQS + SU pulsing significantly delayed the loss of total chlorophyll content as compared to treatment of 1-MCP alone. ‘Grand Gala’ flowers pretreated with 1-MCP in combination with 6-hour pulsing lasted 6.3 days of vase period while ‘Pink Lady’ flowers pretreated with 1-MCP alone had the shortest vase life to 3.7 days. Postharvest hadling treatment before storage did not affect fresh weight, water uptake, total sugar and total anthocyanin contents.
ชื่อแหล่งทุน: เงินงบประมาณแผ่นดิน
จำนวนเงินตามสัญญารับงานวิจัย: 552,600.00
ปีเริ่มต้นงานวิจัย: 2553-10-01
ปีสิ้นสุดงานวิจัย: 2555-09-30
ลิขสิทธิ์: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
ปีที่ได้รับงบประมาณ (ระบุได้มากกว่า 1 ปี): 2555
ประเภทชิ้นงาน: การวิจัยประยุกต์
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ภาษา (EN): th
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาระบบการเก็บรักษาของดอกกุหลาบในเชิงการค้า
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
30 กันยายน 2555
การพัฒนาระบบการเก็บรักษาของดอกกุหลาบในเชิงการค้า (ระยะที่ 1) ผลของการเก็บรักษาไรแดงต่อการเจริญเติบโตของปลา โครงการศึกษารูปแบบโรงเรือนและระบบการจัดการที่เหมาะสมสำหรับการปลูกกุหลาบ ระยะเวลาการเก็บรักษาที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพของหญ้าเนเปียร์หมักในถุงพลาสติก ชุดโครงการวิจัยเชิงบูรณาการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตกุหลาบบนพื้นที่สูง โครงการย่อย 1 การวิจัยเชิงบูรณาการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตกุหลาบบนพื้นที่สูง การศึกษาคุณภาพ และวิธีการเก็บรักษาต้นพันธุ์ที่มีต่อความงอกการเจริญเติบโตและผลผลิตของมันสําปะหลัง อายุการเก็บรักษาและระยะพักตัวของเมล็ดหญ้ารูซี่ที่เก็บรักษาในสภาพต่างๆ กัน ผลของการใช้ปุ๋ยหมักจากกากกาแฟเพื่อเพิ่มผลผลิตเชิงคุณภาพของกุหลาบตัดดอก อายุการเก็บรักษาและระยะพักตัวของเมล็ดหญ้าโร๊ดที่เก็บรักษาในสภาพต่างๆ กัน โครงการ พัฒนาเยาวชนบนพื้นที่สูง

แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก